เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในมหาสติปัฏฐานสูตร
ข้อความใน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ใน มหาสติปัฏฐานสูตร มีว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่อย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้เสวยสุขเวทนา ก็รู้ชัดว่าเราเสวยสุขเวทนา
นี่เป็นประการที่ ๑ อย่าเว้น เวลาที่มีสุขเวทนาเกิดขึ้น อย่าคิดว่าระลึกไม่ได้ หรือไม่ได้ไม่จริงแล้วต้องเป็นทุกข์ถึงจะจริง อย่างนั้นไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน เพราะเหตุว่าการเจริญสติปัฏฐานไม่มีการเจาะจงเลือกอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด ไม่มีตัวตนที่จะดู หรือว่าจะทำวิปัสสนา แต่สภาพที่ระลึกได้ในนามธรรมหรือรูปธรรมที่ปรากฏในขณะนั้นเป็นสติที่ระลึก ไม่ใช่ตัวตน เพราะฉะนั้นไม่มีการจำกัดเลย ไม่มีการบังคับ ไม่มีกฎเกณฑ์ว่า ทุกท่านจะต้องรู้แต่ทุกขเวทนาเท่านั้น รู้สุขเวทนาไม่ได้ นั่นไม่ใช่ความจริง เพราะเหตุว่าสภาพธรรมใดก็ตามที่เป็นของจริง มีจริง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็เคยหลงยึดถือว่าเป็นตัวตน สติระลึกเพื่อรู้ชัด แล้วละคลายการยึดถือว่าเป็นตัวตน เวลาที่มีสุขเวทนาเกิดขึ้นรู้สึกว่าเป็นตัวตนไหมก่อนเจริญสติ เป็นเราสุขใช่ไหม เพราะฉะนั้นปัญญาก็จะต้องรู้ชัด เพื่อละคลายการที่เคยยึดถือความรู้สึกเป็นสุขนั้นว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นสภาพนามธรรมชนิดหนึ่ง ที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทุกท่านในการเจริญสติปัฏฐานเป็นปกติ ไม่มีอะไรเลยที่ผิดปกติจากชีวิตประจำวัน เพียงแต่ว่าสติที่ระลึกรู้ลักษณะของนามอะไรก็ได้ รูปอะไรก็ได้ ในขณะไหนก็ได้ ระลึกรู้ลักษณะของเวทนาความรู้สึกก็ได้ ในขณะที่เสวยสุขเวทนาก็รู้ชัดว่า เราเสวยสุขเวทนา อย่าลืมทุกๆ ท่านเป็นปกติ เวลาที่เคยเป็นสุข ก็ขอให้ระลึกบ้างว่า ในขณะนั้นลักษณะสภาพที่เป็นสุขนั้น ก็เป็นแต่เพียงนามธรรมชนิดหนึ่ง อย่าหลงลืมสติไป
ประการที่ ๒ หรือเสวยทุกขเวทนา ก็รู้ชัดว่าเราเสวยทุกขเวทนา
อยากจะรู้หรือไม่อยากจะรู้คะทุกขเวทนา บางท่านเพียรจะไปรู้ทุกขเวทนา ให้เกิดทุกขเวทนาจะได้รู้ใช่ไหม ทำไมถึงจะต้องไปอยากรู้ทุกขเวทนา ใครว่าทุกขเวทนาดี ใครอยากจะได้อกุศลวิบากมากๆ บ้าง อยู่ดีๆ สบายๆ เป็นปกติแล้วก็ไปทำให้ความทุกขเวทนาเกิดขึ้นเพื่อจะรู้ เป็นความเข้าใจที่ถูกหรือผิด แต่ว่าถ้าผู้ใดจะได้รับผลของอกุศลกรรมมีความเจ็บไข้ได้ป่วยมีทุกขเวทนาเกิดขึ้น ก็อย่าหลงลืมสติ ขณะนั้นก็ไม่ใช่ตัวตนที่กำลังเจ็บปวด เป็นทุกข์แสนสาหัส แต่ว่าเป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ลักษณะสภาพนั้นเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เหมือนกับสุขเวทนา แม้แต่ความรู้สึกก็มีลักษณะที่ต่างกัน สุขเวทนาก็เป็นอย่างหนึ่ง อาศัยเหตุปัจจัยชนิดหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขเวทนาก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่ไปสร้างให้เป็นทุกข์ ไปทำให้เป็นทุกข์เกิดขึ้นเพื่อจะรู้ เพราะว่าอยากจะรู้ทุกขเวทนา นั่นไม่ถูกต้องเลย ไม่ว่าจะเป็นขณะที่สุขเวทนามี ก็รู้ว่ากำลังเสวยสุขเวทนา หรือว่าถ้าได้รับทุกขเวทนาตามปกติที่จะมี ไม่ใช่ไปทำให้มีขึ้น ก็รู้ว่าว่าเราเสวยทุกขเวทนา