มีปัญญาเพิ่มขึ้น ไม่สะดุ้ง เพราะชินกับสิ่งที่ปรากฏตามปกติ
บางท่านเท่าที่ดิฉันเคยทราบกล่าวว่า เจริญสติปัฏฐานมาประมาณ ๓๐ กว่าปี เป็นอาจารย์ของสำนักหนึ่ง ในขณะที่ปฏิบัติก็มีความรู้สึกว่ามีสติสัมปชัญญะไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน ก็มีความนุ่มนวล มีความเบา มีความควรแก่การงาน เป็นผู้มีสติ แต่เมื่อได้ฟังเรื่องการเจริญสติปัฏฐานแล้วก็รู้ว่า ไม่ใช่ปัญญาที่รู้ลักษณะของนาม และรูปที่กำลังปรากฏจริงๆ ตามปกติ เพราะฉะนั้นขอให้ท่านที่เคยจดจ้อง หรือว่าเคยรู้รูปรวมๆ กัน เป็นท่านั่ง ท่านอน ท่ายืน ท่าเดินว่า ในขณะที่ท่านกำลังรู้อย่างนั้น เวลาที่มีเสียงปรากฏสะดุ้งไหม ตกใจไหม ตกใจเพราะอะไร คนที่กำลังสนใจในเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นต้นว่าอ่านหนังสือเพลินๆ ถ้ามีคนเรียกตกใจไหม ก็ตกใจ เพราะว่ากำลังสนใจอ่านหนังสืออยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อมีสิ่งอื่นเกิดขึ้น ไม่เคยเจริญสติ ไม่เคยรู้ลักษณะของเสียงตามปกติเลย มีแต่การจดจ้องอยู่ที่สิ่งหนึ่ง เวลาที่เสียงเกิดตามปกติแท้ๆ ผู ้นั้นก็สะดุ้งตกใจ แล้วก็ไม่รู้ด้วย ถ้าสอบสวนจริงๆ ว่าขณะนั้นเป็นนามหรือเป็นรูป ตอบไม่ได้เลย ไม่เคยระลึกรู้ลักษณะของได้ยิน ไม่เคยระลึกรู้ลักษณะของเสียงตามปกติ แต่ว่าไปจ้องที่จะให้รู้รวมๆ เมื่อเป็นการไปจ้องให้รู้รวมๆ ไม่รู้นามใดรูปใดชัดสักนามเดียว แม้แต่เพียงนามเดียวก็ไม่รู้ แม้แต่เพียงรูปเดียวก็ไม่รู้ กำลังเห็นตามปกติไม่เคยเลยที่จะมีการระลึกรู้ว่าเป็นสภาพรู้ทางตา สีสันวรรณะต่างๆ ที่กำลังปรากฏก็ไม่เคยระลึกรู้เลยสักขณะเดียวว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏ เพื่อจะละคลายว่าทางตาก็เท่านี้เอง ไม่ว่าจะเห็นอะไร ไม่ว่าจะเกิดความชอบความไม่ชอบหลังจากที่เห็นแล้ว เป็นแต่เพียงความพอใจ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยได้เห็นสิ่งที่พอใจแล้วก็ดับ มีอย่างอื่นเกิดขึ้นปรากฏเป็นลักษณะต่างๆ กันไปเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ผู้ที่มีปัญญาเพิ่มขึ้นไม่สะดุ้ง เพราะว่าชินกับลักษณะของสิ่งที่เกิดปรากฏตามปกติ แต่ผู้ที่ไปจ้องรู้รวมๆ แล้วก็ไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของนามใดรูปใดให้ชัดเจนตามปกติเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ผู้นั้นจะสะดุ้ง การสะดุ้งนั้นเป็นปัญญาหรือเปล่าหรือว่าเป็นความไม่รู้ สะดุ้งแล้วไม่รู้ ไม่รู้ว่าอะไรตกใจด้วย เป็นตัวตนตลอดเวลา ไม่ได้มีความรู้ชัดในลักษณะของนาม ไม่ได้มีความรู้ชัดในลักษณะของรูปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ตามปกติเลย เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดฟัง ถือประโยชน์จากธรรม เทียบเคียงกับการที่เคยประพฤติปฏิบัติมาแล้ว ก็ย่อมจะละสีลัพพตปรามาสกายคันถะ การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติที่ผิด ไม่ทำให้รู้ลักษณะของนาม และรูปชัดเจนแต่ละทางตามปกติ