ประโยชน์จากการฟังเรื่องของธรรม


    ผู้ฟัง เรื่องประโยชน์จากการได้ฟังธรรม เรื่องชาติของจิตที่ทำให้เราทราบว่าจิตดวงไหนเป็นเหตุ จิตดวงไหนเป็นผล ถ้าเราสร้างเหตุดี ผลก็จะดี

    ท่านอาจารย์ สั้น แต่ความหมายก็มาก เพียงสั้นๆ อย่างนี้ รู้ว่าจิตขณะไหนเป็นเหตุ จิตขณะไหนเป็นผล นี่เพียงเหมือนเด็กเกิดใหม่ หรือว่าเหมือนเด็กทารกจริงๆ ที่จะค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นจากการฟัง เพราะอะไร ขณะนี้จิตไหนเป็นวิบาก เห็น หรือไม่ เราฟังเรื่องราวหมดเลย จิตเห็นเป็นวิบาก จิตได้ยินเป็นวิบาก จิตคิดนึกไม่ใช่วิบาก เราก็เพียงได้รับสิ่งซึ่งได้ยินได้ฟัง แต่ถ้ามีการคิดไตร่ตรองเพิ่มขึ้น ปัญญาที่เกิดจากการไตร่ตรองตรงทาง เป็นความคิดถูก ความคิดที่ประกอบด้วยความเห็นที่ถูกต้อง ก็จะรู้ว่าเรารู้จักชื่อ แน่นอน ทั้งๆ ที่สภาพธรรมก็กำลังเป็นอย่างนั้น

    เพราะฉะนั้น ปัญญาที่เกิดจากการไตร่ตรอง หรือ การคิดจะไม่ทำให้เราหลอกตัวเอง แล้วก็ไปผิดทาง เพราะเรารู้ว่าขั้นฟังเราเข้าใจ แต่กำลังเห็นจะเข้าใจว่าไม่ใช่เรา เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นผลของกรรม ต้องอาศัยการอบรมเพราะเหตุว่าทั้งชีวิตก็จะไม่พ้นจากเรื่องวิบากที่เป็นผลของกรรม เมื่อวานนี้ก็มีวิบากมาก เห็นได้ยินอะไรสารพัดอย่าง รับประทานอาหาร รสปรากฏอะไรทุกอย่าง แต่จิตเข้าใจสภาพธรรมตามที่เราได้เรียนจริงๆ มากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตรงจริงๆ แล้วรู้จุดประสงค์ของการศึกษาธรรมว่า เพื่อให้ปัญญาเข้าใจถูกเห็นถูก เพื่อละความไม่รู้ อวิชชานุสัย และทิฏฐานุสัย การที่เคยหลงยึดถือสภาพธรรมที่เกิดดับอย่างรวดเร็วว่าไม่ได้ดับเลย ยังคงอยู่ และก็ยังเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

    เพราะฉะนั้น เรื่องของการฟังธรรมก็เป็นเรื่องที่ตรง และก็ได้รู้ว่าถ้าเป็นความเห็นถูกก็คือรู้ว่า ขณะที่ฟังเป็นขั้นที่ฟัง แล้วก็ยังมีความเห็นถูกต่อไปว่า ยังไม่ถึงระดับ ที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่ออะไรที่รู้อย่างนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ไปรู้อย่างอื่น แต่รู้ตรง ขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แล้วก็เข้าใจถูกอย่างที่กำลังได้ยินได้ฟังว่า ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เดี๋ยวนี้เองก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

    ค่อยๆ รู้ตามความเป็นจริงแต่ละทาง คือทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ส่วนความคิดนั้นก็ไม่ใช่ผลของกรรม ก็จะเป็นประโยชน์คือรู้ว่าต้องรู้ความจริงของสภาพธรรมให้ตรงกับที่ได้ยินด้วย เพื่อที่จะให้ค่อยๆ เข้าถึงความเป็นอนัตตาว่า บังคับบัญชาไม่ได้เลย และได้รู้ตามความเป็นจริงว่า จิตที่กำลังเห็น กำลังได้ยินขณะนี้เป็นระดับไหน เพราะว่าเมื่อประมวลแล้วจิต ๘๙ ประเภทก็จำแนกออกเป็น ๔ ระดับ หรือ ๔ ขั้น คือ กามาวจรจิต ๑ รูปาวจรจิต ๑ อรูปาวจรจิต ๑ โลกุตตรจิต ๑ แล้วเราจะไปทางไหน เด็กอนุบาลได้ยินแล้วจะไปทางไหน จะไปตรงทางที่จะทำให้รู้สภาพธรรมถึงความเป็นโลกุตตรจิต หรือจะไปทางอื่นที่ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่หวังว่าจะถึงโดยไม่รู้อะไร ทั้งๆ ที่สิ่งที่กำลังปรากฏก็ยังไม่รู้ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าต้องเป็นผู้ที่มีสัจจญาณในอริยสัจ รู้ว่าสภาพธรรมในขณะนี้จริง

    พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดงเพื่อผู้อื่นก็จะได้รู้ตามได้ แล้วก็สามารถจะดับกิเลสได้ เมื่อปัญญาถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม


    หมายเลข 6305
    18 ม.ค. 2567