ถ้าไม่เข้าใจสติปัฏฐานจะไม่พอใจที่จะระลึกลักษณะของโลภะ


    อีกประการหนึ่ง บางท่านไม่พอใจที่จะระลึกรู้ลักษณะของโลภมูลจิต สราคจิตที่มีความต้องการที่กำลังพอใจหรือว่ายินดีในอารมณ์ที่ปรากฏ ผู้เจริญสติปัฏฐานถ้าไม่มีความเข้าใจในเรื่องการเจริญสติปัฏฐานอย่างถูกต้อง ผู้นั้นจะไม่พอใจเลยที่จะระลึกรู้ลักษณะของโลภมูลจิต มีอัตตาตัวตนที่เลือกแล้ว ไม่ชอบจิตชนิดนี้ ไม่อยากระลึกรู้ อยากจะไปทำอะไรก็ได้ที่ไม่ให้เป็นโลภะ ไม่ให้เป็นโทสะ ไม่ให้เป็นโมหะ ไม่ยอมที่จะระลึกรู้ลักษณะของโลภมูลจิตซึ่งมีเป็นปกติเป็นธรรมดา และก็เป็นตัวของท่านเองจริงๆ ซึ่งท่านยังไม่ใช่เป็นผู้หมดโลภะ เพราะฉะนั้นเมื่อมีโลภะเกิดขึ้นปรากฏเพราะเหตุปัจจัย ก็ระลึกรู้ลักษณะนั้นจึงจะละการยึดถือได้ แต่เพราะอาจจะมีความเข้าใจผิด มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทำให้ไม่กล้า หรือว่าไม่พอใจที่จะระลึกรู้ลักษณะของโลภมูลจิตที่กำลังมีหรือกำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นถ้าศึกษาเรื่องของมหาสติปัฏฐาน ๔ โดยละเอียด ก็จะช่วยทำให้ท่านเกิดฉันทะ วิริยะ ที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ที่เกิดขึ้นปรากฏ และก็เป็นตัวท่านแท้ๆ เพราะเหตุว่าตัวท่านจริงๆ เป็นอย่างไร มีแต่ความดี มีแต่กุศลจิต มีแต่จิตที่สงบ มีแต่ความดีทั้งนั้นหรือเปล่า ระลึกถึงตัวของท่านเองจริงๆ สิ ว่าตัวของท่านแท้ๆ เป็นอย่างไร ถ้าท่านเป็นพระอริยบุคคลแล้วแล้วก็ละจิตอกุศลบางประเภทไปแล้วหรือว่าถ้าท่านเป็นพระอรหันต์แล้วไม่มีโลภะโทสะโมหะแล้ว นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ท่านก็ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ สติก็ระลึกรู้อยู่ที่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะที่ปรากฏ แต่ว่าไม่มีกิเลสเกิดขึ้น ถ้าเป็นพระอรหันต์เป็นผู้ที่ละกิเลสได้หมดสิ้น แต่ตัวท่านจริงๆ ที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล มีความดีความชั่วมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่มีสติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ท่านจะละอกุศลได้ไหม อกุศลใดๆ ก็ตามที่สะสมมามาก ท่านอาจจะเป็นผู้หนักในกิเลสทางตา บางท่านก็หนักทางหู บางท่านก็ทางจมูก บางท่านก็ทางลิ้น บางท่านก็ทางกาย ถ้าท่านไม่ระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่เกิดกับท่านจริงๆ แล้ว ก็ไม่มีโอกาสที่จะละความยึดถือสภาพธรรมเหล่านั้นหรือว่าละกิเลสได้เลย ในขณะนั้นแทนที่ท่านจะคิดว่าท่านจะทำวิปัสสนา หรือว่าท่านจะดูนามนั้น ดูรูปนี้ ไม่ให้เป็นโลภะ ไม่ให้เกิดโทสะ แทนที่ท่านจะคิดอย่างนี้ ท่านก็ควรจะระลึกได้ว่าแท้ที่จริงตลอดชีวิตมานี้ก็เป็นแต่เพียงนามรูป ถ้าเป็นนามธรรมที่ดีเกิดกับท่านก็เป็นเพราะเหตุว่าสะสมเหตุปัจจัยให้นามชนิดนั้นเกิดขึ้น ถ้าเป็นนามธรรมฝ่ายอกุศลฝ่ายไม่ดีที่เกิดกับท่าน ก็เป็นเพราะเหตุปัจจัยที่สะสมมาที่จะต้องเกิดขึ้น เมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น ให้เห็นชีวิตจริงๆ ของท่าน เป็นนามธรรม เป็นรูปธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน


    หมายเลข 6369
    31 ก.ค. 2567