บุคคลเป็นผู้หลง บุคคลเป็นผู้ไม่หลง ด้วยเหตุเพียงเท่าใด
ตอนสุดท้าย สัจจกนิครนถ์ได้ทูลถามว่า พระองค์เป็นผู้หลับในกลางวันบ้างหรือ นี่เป็นความสงสัยของบุคคล ถึงแม้ว่าจะได้เฝ้าเฉพาะพระพักตร์กราบทูลถาม ทรงแสดงประวัติของพระองค์จนได้บรรลุเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ถึงแม้ว่าจะทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้บุคคลอื่นสิ้นความสงสัยในพระองค์ได้ เพราะแม้สัจจกนิครนถ์ก็กราบทูลถามว่า พระองค์เป็นผู้หลับในกลางวันบ้างหรือ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรอัคคิเวสสนะ เรารู้เฉพาะอยู่ว่า ในเดือนท้ายฤดูร้อน เรากลับจากบิณฑบาตในกาลภายหลังภัต ปูสังฆาฏิให้เป็น ๔ ชั้น แล้วเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ก้าวลงสู่ความหลับโดยข้างเบื้องขวา.
สัจจกนิครนถ์กราบทูลว่า พระโคดมผู้เจริญ สมณะ และพราหมณ์เหล่าหนึ่ง ย่อมกล่าวข้อนั้นในความอยู่ด้วยความหลง.
เห็นคนหลับแล้วต้องบอกว่าหลง มีโมหะ ในความคิดเห็นของสมณพราหมณ์เหล่าหนึ่ง ดูด้วยตาแล้วตัดสินเอาเอง ไม่มีความรู้ในข้อประพฤติปฏิบัติก็ไม่สามารถที่จะทราบได้เลยถึงคุณธรรมของความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ เป็นพระอริยสาวก
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า บุคคลเป็นผู้หลงหรือเป็นผู้ไม่หลง ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น หามิได้ ก็บุคคลเป็นผู้หลงหรือเป็นผู้ไม่หลง ด้วยเหตุใด ท่านจงฟังเหตุนั้น จงทำในใจให้ดีเราจักกล่าว บัดนี้.
จากนั้นพระผู้มีพระภาคได้ตรัสความเป็นผู้หลง และไม่หลง คือ บุคคลเป็นผู้ไม่หลงเพราะเหตุละเสียได้ซึ่งอาสวะทั้งหลาย.