ตัวเลขของจิตกำกับความไม่ผิดเพี้ยนคลาดเคลื่อนไว้อย่างไร


    ผู้ฟัง จิตที่บอกว่ามีตัวเลขๆ นี่ก็สำคัญกำกับสภาวะที่ไม่ผิดเพี้ยน ไม่คลาดเคลื่อนอย่างไร

    ท่านอาจารย์ จิตคงจะมีมากมายนับไม่ถ้วนเลย ถ้าจะนับจิตเพราะเหตุว่าแต่ละคนในสังสารวัฏฏ์นี่ก็มากมาย และคนก็ไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ รวมทั้งผู้ที่เกิดในภูมิอื่นเช่น บนสวรรค์ พรหม และก็สัตว์เดรัจฉาน ก็แสดงให้เห็นว่าจิตมีหลากหลายมากมาย แต่พระผู้มีพระภาคก็ทรงประมวล ประเภทของจิตที่จะทรงแสดงให้เห็นว่าต่างกันอย่างไร มิฉะนั้นแล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะกล่าวถึงจิตประเภทหนึ่งประเภทใดได้ แต่ว่าเวลาที่ทรงแสดงประมวลเช่น จิตที่เป็นเหตุ ได้แก่ กุศลจิต และอกุศลจิต คือประมวลประเภทกว้างๆ ก่อน แล้วก็ทรงแสดงในนัยอื่นเช่น โดยระดับขั้นของจิต ซึ่งก็เป็นความต่างของจิต จิตจะมีระดับเดียวไม่ได้ ตั้งแต่ระดับต่ำขั้นต้นจนกระทั่งถึงสูงสุดคือโลกุตตรจิต นี่ก็แสดงให้เห็นถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริง โดยกว้างๆ แต่โดยกว้างๆ ก็ยังแบ่งแยกย่อยประเภทอีก เช่นจิตระดับต้นคือชั้นกามวาจรจิต หมายความถึงจิตที่เป็นไปในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ถ้าเราเข้าใจความหมายของกาม คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนัยหนึ่ง เราก็จะเข้าใจความหมายของกามาวจรจิต หมายความว่าจิตประเภทนี้ก็จะมีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และเรื่องราวของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นอารมณ์ ยังเป็นระดับนี้ ยังไม่ขึ้นสูงกว่าระดับที่ไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ด้วยความสงบยิ่งขึ้นจนถึงระดับของฌาณจิตซึ่งเป็นอัปปนาสมาธิ หรือเป็นสมาธิ ความสงบที่มั่นคงจนกระทั่งไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ก็ทรงแสดงระดับของจิตโดยประเภทไว้ และในบรรดากามาวจรจิต ซึ่งทุกคนหนีไม่พ้น จะเกิดที่ไหน ก็ไม่พ้น ถ้าเป็นอรูปพรหม แต่ว่ายังมีกิเลสอยู่ ก็ยังต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือไม่พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

    เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า สิ่งที่มีที่ควรจะต้องเห็นถูก เข้าใจถูก คือสภาพที่มีจริง และโดยปรมัตถธรรมก็คือว่าสภาพใดที่ไม่ใช่สภาพรู้ สภาพนั้นเป็นรูปธรรม ยังไม่ได้แสดงว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แต่ก็แสดงให้เห็นโดยกว้างๆ ว่า สิ่งที่มี มีสองอย่างคือ ลักษณะหนึ่งไม่ใช่สภาพรู้ อีกลักษณะหนึ่งเป็นสภาพรู้ ส่วนสภาพรู้ก็มีจิต และเจตสิก ไม่ใช่มีแต่จิต และก็ไม่ใช่มีแต่เจตสิก แต่ทั้งสองอย่างเป็นนามธรรมซึ่งต้องเกิดพร้อมกัน และดับพร้อมกันด้วย ถ้าจิตเป็นกุศล เจตสิกเป็นกุศล ถ้าเจตสิกเป็นอกุศล จิตเป็นอกุศล แล้วแต่ว่าขณะนั้นจะมีอกุศลประเภทใดเกิดร่วมด้วย

    นี่ก็แสดงให้เห็นความหลากหลายของจิตที่เป็นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ซึ่งเป็นขั้นต้น หรือขั้นต่ำสุด ซึ่งเรากำลังอยู่ในภูมินี้ คือในภูมิมนุษย์ แต่ว่าเป็นสุขติภูมิ เป็นภูมิที่ดี ซึ่งสำหรับภูมิที่เป็นกามาวจรภูมิ หรือกามาวจรจิต ระดับของจิตที่เป็นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ มี ๕๔ ประเภท และเกิดในกามภูมิ ๑๑ ภูมิเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าจะไปเกิดที่อื่นไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดในกามภูมิ

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 46


    หมายเลข 6406
    18 ม.ค. 2567