ไม่ถือมั่นเพราะปัญญารู้ชัดในนามรูปที่ปรากฏตามเป็นจริง


    ในขณะที่สติระลึกรู้ลักษณะของกาย ก็ไม่ยึดถือกายว่าเป็นตัวตน ในขณะที่สติระลึกรู้ลักษณะของเวทนา ก็ไม่ยึดถือเวทนาว่าเป็นตัวตน ก็ละการยึดถือกายเวทนาจิตธรรมว่าเป็นตัวตนได้ทุกๆ ขณะ จนกว่าจะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท แต่ต้องอาศัยการระลึกรู้ลักษณะ และเห็นสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง

    วันหนึ่งสติระลึกกี่ครั้ง รู้ลักษณะของกาย ของเวทนา ของจิต ของธรรม ในวันๆ หนึ่งมีสักกี่ครั้ง ถ้ามีน้อยก็ยังจะต้องเจริญต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าปัญญาจะรู้ชัดขึ้น เพราะเหตุว่าระลึกรู้ครั้งเดียวจะรู้ชัดไม่ได้ นอกจากผู้ที่เป็นอุคฆติตัญญู

    ไม่ถือมั่นเพราะอะไร เพราะรู้ชัดในสิ่งที่กำลังปรากฏ ความสมบูรณ์ของญาณแต่ละขั้นจะเกิดขึ้นเป็นผล เพิ่งมาจากเหตุคือการเจริญสติ และรู้ชัดเป็นลำดับ แต่ถ้าการเจริญสติน้อยไม่ทั่ว ไม่รู้ชัด ไม่ละคลาย ก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้ญาณเกิดได้ สมบูรณ์ได้ แต่ละขั้นๆ ตามควรแก่ญาณนั้นๆ ไม่ใช่ว่าพอสติระลึกรู้ลักษณะของนามครั้งหนึ่ง่ก็ไม่ถือมั่น สติระลึกรู้ลักษณะของรูปครั้งหนึ่ง่ก็ไม่ถือมั่น นั่นเป็นการไปไม่ถือมั่นเอาเอง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุว่าปัญญารู้ชัด และประจักษ์ในสภาพนามธรรม และรูปธรรม ตามความเป็นจริง เป็นความสมบูรณ์ของญาณแต่ละขั้น ซึ่งเป็นผลที่มาจากเหตุที่ถูกต้อง


    หมายเลข 6441
    31 ก.ค. 2567