ปฏิสนธิกาล กับ ปวัตติกาล กับอุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบาก
ผู้ฟัง เมื่อสักครู่นี้ที่กล่าวถึงจิตของพระอรหันต์ที่ว่าได้ละอกุศลวิบากในปวัตติกาลได้ ขณะนี้ก็เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมพระอริยะขั้นโสดาบัน ท่านก็รับผลในปวัตติกาล ได้โดยอเหตุกอกุศลวิบาก แต่อเหตุกอกุศลวิบากที่เป็นสันตีรณะ เหตุใดจึงไม่ให้ผลในปฏิสนธิกาล จึงขอความเข้าใจ
ท่านอาจารย์ ต้องเข้าใจความหมายของคำว่าปฏิสนธิกาลกับปวัตติกาล ปฏิสนธิกาลกี่ขณะ
ผู้ฟัง ๑ ขณะ
ท่านอาจารย์ ต่อจากนั้นเป็น ปวัตติกาล เพราะฉะนั้นสำหรับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าปุถุชน หรือพระอริยะทั้งหลาย ขณะที่เกิดเป็นปฏิสนธิกาล ต่างกันใช่ หรือไม่ ปฏิสนธิจิตในขณะที่เป็นปฏิสนธิกาล อย่างจิตของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตอนที่ประสูตรเป็นเจ้าชายสิทธัตถะขณะนั้นเป็นขณะที่เป็นปฏิสนธิกาล เป็นอุเบกขาสันตีรณะได้ หรือไม่
ผู้ฟัง ไม่ได้
ท่านอาจารย์ แล้วผู้ที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ปฎิสนธิจิตของบุคคลนั้น ปฏิสนธิกาลเป็นสันตีรณอกุศลวิบากได้ หรือไม่
ผู้ฟัง คือเราเรียนรู้ก็ไม่ได้ แต่ทำไมปวัตติกาลให้ผลได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น กรรมมีทั้งให้ผลขณะปฏิสนธิกาล และขณะปวัตติกาล คือหลังจากปฏิสนธิแล้วจึงให้ผลได้ ไม่อย่างนั้นแล้วจะทำอย่างไร ให้ผลปฏิสนธิ ๑ ขณะ แล้วจะให้กรรมอื่นไปทำปฏิสนธิกาลอีกก็ไม่ได้ แต่ว่าสามารถที่จะให้ผลหลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับแล้วเป็นปวัตติกาล กรรมอื่นๆ ก็มีโอกาสที่จะให้ผลหลังจากนั้น อย่างนี้พอที่จะเห็นได้ หรือไม่ว่า สันตีรณะที่เป็นวิบากให้ผลเกิดขึ้นได้หลังปฏิสนธิคือในปวัตติกาล สำหรับผู้ที่ไม่ได้ปฏิสนธิในอบายภูมิ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ปฏิสนธิในอบายภูมิ อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากทำกิจปฏิสนธิในขณะที่เป็นปฏิสนธิกาล และก็ยังให้ผลในปวัตติกาลด้วย
ผู้ฟัง ก็เข้าใจตรงนี้ว่าพระโสดาบันท่านปิดประตูอบายภูมิทั้ง ๔ เลย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น อุเบกขาสันตีรณะก็ทำกิจปฏิสนธิไม่ได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป
ที่มา ...