การรู้บัญญัติของเด็ก ความเห็นผิด กับ อสังขาริก
ผู้ฟัง ในเด็กที่เกิดมาก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรเป็นสัตว์เป็นบุคคล แต่ก็ได้รับคำชี้แจงหรือคำแนะนำจากผู้ใหญ่บอกว่าอย่างนี้เรียกว่าอะไร ความรู้ในเรื่องของบัญญัติก็มากขึ้นเรื่อยๆ คำว่า อสังขาริก คือ เกิดขึ้นเองโดยไม่มีการชักจูง ก็ยังไม่เข้าใจ
ท่านอาจารย์ ถ้าเด็กทั้งหลายไม่มีโลภมูลจิตที่เป็นทิฏฐิคตสัมปยุตต์ อสังขาริกแล้ว การเป็นเด็กก็ดีสิ แต่ว่าสภาพธรรมที่เป็นของจริง เป็นของจริงเสมอ แต่จะดีไม่ได้เลยเพราะอะไร เพราะในทันทีที่เห็น ความสำคัญหมายในฆนสัญญา ฆนบัญญัติก็เกิดขึ้น คนที่ยังไม่ได้เจริญสติ หรือว่ายังไม่ได้ศึกษาพิจารณาให้เข้าใจจะไม่รู้เลยว่า ทันทีที่เห็น ชั่วขณะที่เห็นนั้น ก็เห็นแต่เพียงรูปอารมณ์หรือสิ่งที่ปรากฏทางตา นี่เป็นของจริงในขณะที่จักขุวิญญาณจิตเกิด แต่ว่าการจับกลุ่มรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนของรูป มีสีสันวัณณะ แยกส่วนสัด ถึงแม้ไม่รู้ว่าเรียกอะไร แต่ว่าฆนสัญญาหรือฆนบัญญัติก็มี ถ้าสติไม่ระลึกรู้ในขณะที่มีการเห็นเกิดขึ้น และรู้ว่าสภาพนี้ก็เป็นแต่เพียงสภาพเห็น และสิ่งที่ปรากฏทางตาก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่เพราะอาศัยการที่รูปประชุมกัน ความประชุมรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนของรูป ไม่ว่าผู้ใดที่เห็นก็ทำให้เกิดฆนสัญญา มีฆนบัญญัติหมายรู้ลักษณะของสิ่งนั้นเกิดขึ้นในใจโดยไม่ต้องรู้อรรถบัญญัติ ไม่ต้องรู้ชื่อ แต่มีแล้ว สิ่งที่เป็นวัตถุประชุมรวมกัน การยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดมีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กอายุเท่าไหร่ ก็เกิดขึ้นเป็น ทิฏฐิคตสัมปยุตต์ อสังขาริก
เมื่อมีอวิชชาทำให้มีการเกิดขึ้น มีกิเลสทำให้มีการเกิดขึ้นแล้วล่ะก็ จะมีความเห็นผิดในสภาพธรรมติดตามมา เพราะว่ามีความไม่รู้ในสภาพที่แท้จริงของสภาพธรรม เหมือนกันทั้งนั้นไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ถึงไม่รู้ว่าเรียกอะไรแต่ฆนสัญญาเหมือนกัน ฆนบัญญัติที่อยู่ในใจเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้อรรถบัญญัติคือไม่รู้ชื่อของสิ่งนั้นเท่านั้น