เชื่อเรื่องรูปนั่งหรือไม่
ความเชื่อเรื่องรูปนั่ง จะเป็นทิฏฐิคตสัมปยุตต์ สสังขาริกได้ไหม
เวลาที่สติระลึกรู้ลักษณะของรูป ก็จะต้องรู้ถูกต้องตามความเป็นจริง สิ่งที่ปรากฏทางตาก็เป็นรูปชนิดหนึ่ง สิ่งที่ปรากฏทางหูก็เป็นลักษณะของรูปชนิดหนึ่ง สิ่งที่ปรากฏทางจมูกก็เป็นรูปชนิดหนึ่ง คือกลิ่น สิ่งที่ปรากฏทางลิ้นก็เป็นรูปชนิดหนึ่ง คือรส สิ่งที่ปรากฏทางกายก็เป็นรูปเย็น รูปร้อน รูปอ่อน รูปแข็ง รูปตึง รูปไหว ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเกิดไปเพ่งจ้อง ให้เกิดเป็นท่าทางขึ้นมา แล้วก็คิดว่าท่าทางอันนั้นเป็นรูป ถ้าท่านยังคงติดอยู่ ไม่ทิ้งไป ยังมีเยื่อใยที่จะพิจารณาอยู่ ท่านจะไม่พิจารณารูปสีที่กำลังปรากฏทางตาตามปกติ จะไม่พิจารณารูปเสียงที่กำลังปรากฏ จะไม่พิจารณารูปกลิ่นที่กำลังปรากฏ จะไม่พิจารณารูปรสที่กำลังปรากฏ จะไม่พิจารณาเย็นร้อนอ่อนแข็งที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของกายที่ปรากฏ เพราะเหตุว่ารูปใดเกิดปรากฏที่ใดก็มีปัจจัยที่นั่น และรูปนั้นเกิดขึ้นปรากฏแล้วก็ดับไป นี่คือรู้รูปถูกต้องตามความเป็นจริง แต่ถ้ายังมีทิฏฐิคตสัมปยุตต์ยึดรูปอื่นซึ่งไม่ใช่รูปปรมัตถ์ ไม่มีลักษณะจริงๆ ที่จะปรากฏให้ท่านรู้ชัด ให้ละให้คลายได้แล้วล่ะก็ ท่านก็จะไม่สามารถรู้นามธรรม และรูปธรรมตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นท่านจะหมดโลภมูลจิตที่เป็นทิฏฐิคตสัมปยุตต์ สสังขาริก หรือ อสังขาริกไม่ได้
เพราะฉะนั้น ผู้ที่เจริญสติเป็นผู้ที่พิจารณาใคร่ครวญ ฟัง เทียบเคียง สอบทาน แม้ในขณะที่สติเกิด ถ้ามีลักษณะปรากฏ ก็เป็นรูปปรมัตถ์ แต่ถ้าไม่มีลักษณะปรากฏ ก็ไม่ใช่รูปปรมัตถ์ แต่เป็นสิ่งที่ท่านมีสัญญาจำยึดโยงรูปนั้นไว้ แต่ถ้าไม่สำเหนียกอย่างนี้ ที่จะหมดทิฏฐิคตสัมปยุตต์ เป็นไปไม่ได้เลย