การเจริญสติปัฏฐานเป็นการรู้ของจริง สิ่งที่มีจริง
ผู้ฟัง ที่ท่านกล่าวไว้ในธาตุมนสิการบรรพนั้น ท่านบอกให้รู้ดิน รู้น้ำ รู้ไฟ รู้ลม การรู้อย่างนี้ถ้าเราไม่เอาลักษณะของดิน ของไฟ ของลม ของน้ำแล้วเราจะรู้อะไร คือ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ลักษณะ จึงจะรู้ว่าอย่างนี้คือดิน หรืออย่างนี้คือไฟ อย่างนี้คือลม มีอาการหรือลักษณะปรากฏให้เราสามารถรู้ได้ทางกาย ก็สมควรที่จะรู้ลักษณะอย่างนั้น หรือว่าไม่จำเป็นจะต้องรู้ลักษณะอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ การเจริญสติปัฏฐานเป็นการรู้สิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ที่ใช้คำว่าดิน หรือปฐวีธาตุ ก็หมายความถึงสภาพของจริงที่มีลักษณะอ่อนหรือแข็ง ที่จะเป็นธาตุ เป็นของจริง ก็ต้องมีลักษณะจริงๆ ธาตุดินก็ปรากฏทางกาย ธาตุไฟ ธาตุลมก็ปรากฏที่กาย เป็นสิ่งที่ควรรู้เพราะมีปรากฏจริงๆ ไม่ใช่ให้ไปนึกเอา เป็นสภาพที่ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป และไม่ใช่ตัวตนด้วย ไม่ควรจะยึดถือว่าเป็นตัวตน ถ้าพิจารณารู้ชัดก็จะละการยึดถือว่าเป็นตัวตนได้ ละการเห็นรูปว่าเป็นตน คือการละเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหวที่มีปรากฏว่าเป็นตน เพราะว่าถ้ายังไม่ละก็เป็นสักกายทิฏฐิคือเห็นรูปว่าเป็นตน