ประโยชน์ของการทราบเรื่องจิต


    ผู้ฟัง เมื่อสักครู่ท่านอาจารย์บอกว่ามีประโยชน์ไหมที่รู้เรื่องนี้ ขอทราบประโยชน์ด้วย

    ท่านอาจารย์ รู้ความต่างว่าจิตมีหลายประเภท ไม่ใช่มีจิตประเภทเดียว และถ้าเป็นจิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ ก็จะทำให้ไม่มั่นคงที่จะสืบต่อไปอีกยาวนานที่จะทำให้เกิดผล เพราะว่าไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย ไม่มีโลภเจตสิก ไม่มีโทสเจตสิกเกิด คิดถึงสภาพของจิต ไม่มีโมหเจตสิกเกิด ขณะนั้นเป็นโสภณถ้ามีเจตสิกที่เป็นโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมเราก็อาจจะเข้าใจไปตามลำดับได้ว่า เราอาจจะกล่าวถึงโดยโสภณ และอโสภณง่ายมากคือว่า จิตใดก็ตามที่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย จิตนั้นเป็นโสภณจิต ถือเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย เพราะว่าตัวจิตเป็นปัณฑระ ตัวจิตไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นกุศล และอกุศล นอกจากจะมีสภาพธรรมอื่นเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้นขณะใดก็ตามจิตที่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วยเป็นโสภณจิต และจิตใดก็ตามที่ไม่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย จิตนั้นเป็นอโสภณทั้งหมด ไม่ยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นจิตใดก็ตาม

    ผู้ฟัง วันๆ รู้สึกจะเป็นอโสภณ

    ท่านอาจารย์ กำลังนั่งอยู่ และกำลังเข้าใจ เป็นโสภณ ขณะใดที่กำลังเข้าใจ

    ผู้ฟัง คงไม่มาก เพราะบางอย่างมานะเข้ามาอยู่ในนี้ เช่น "นี่เรารู้นะ เรารู้" มานะก็เกิด

    ท่านอาจารย์ นี่คือประโยชน์มหาศาลที่จะเห็นมานะ เพราะว่ามานะนี้เห็นยาก เราจะเห็นมานะหยาบๆ ส่วนมานะละเอียดอรหัตตมรรคจึงละ และของเรานี้ละเอียดถึงระดับนั้น หรือไม่ ยังไม่ถึง แต่ก็ยังพอเห็นได้ เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมจุดประสงค์คือ เข้าใจสภาพธรรม ไม่ใช่เรียนแล้วก็จำโดยที่ไม่เข้าใจในเหตุผล หรือลักษณะของสภาพธรรม เพราะฉะนั้นก็จะเห็นความเป็นธรรมยิ่งขึ้นว่าหลากหลาย มีทั้งจิตที่ประกอบด้วยเหตุ และมีทั้งจิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ และก็มีจิตที่ประกอบด้วยโสภณเหตุ ต่อไปก็จะทราบมากขึ้นในเรื่องของความเป็นอนัตตาของธรรม

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 58


    หมายเลข 6672
    19 ม.ค. 2567