ธรรมชาติที่ชื่อว่ามนายตนะ


    ที่ชื่อว่า “มนายตนะ”

    อธิบายในคำว่า “มนายตนะ” นั้น มนะ พึงทราบว่า อายตนะ เพราะความหมายว่า เป็นที่อยู่อาศัย เป็นบ่อเกิด เป็นที่ประชุมและเป็นเหตุ

    จริงดังนั้น ธรรมมีผัสสะเป็นต้น ย่อมเกิดในมนะนี้ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะภายนอก ย่อมประชุมที่มนะ โดยเป็นอารมณ์ แม้เพราะความหมายว่า เป็นเหตุ เพราะเป็นเหตุแห่งผัสสะเป็นต้น โดยอรรถว่า เป็นสหชาตปัจจัย

    นี่เป็นคำอธิบายในอัฏฐสาลินี เพื่อที่จะให้มีการพิจารณาและเข้าใจลักษณะของจิตซึ่งเป็นธาตุรู้ ที่กำลังเกิดขึ้นรู้ในขณะนี้

    เพราะเหตุว่า “มนายตนะ” อธิบายในคำว่า “มนายตนะ” นั้น มนะ พึงทราบว่า อายตนะ เพราะความหมายว่า เป็นที่อยู่อาศัย

    คำว่า อายตนะ เพราะความหมายว่า เป็นที่อยู่อาศัย เป็นบ่อเกิด เป็นที่ประชุมและเป็นเหตุ เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีจิตเกิดขึ้น สิ่งต่างๆ จะไม่มีการปรากฏเลย เมื่อไม่มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้น ความเป็นไปต่างๆ ในชีวิตก็ไม่มี ไม่มีการที่จะเกิดอุบัติเหตุ ไม่มีการที่จะเกิดป่วยไข้ได้เจ็บ ไม่มีการที่จะต้องประจวบกับสิ่งที่ไม่พอใจ หรือว่าพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ แต่เพราะเหตุว่ามีจิตซึ่งเป็นที่อาศัย เป็นบ่อเกิด เป็นที่ประชุมของธรรมอื่น มีผัสสะเป็นต้น

    ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นเองไม่ได้ ต้องมีปัจจัย มีสิ่งที่ปรุงแต่งให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่า มีเฉพาะจิตเกิดขึ้น แต่จิตนั้นเองเป็นที่อาศัยของธรรมอื่น เช่น “ผัสสะ” ธรรมชาติที่กระทบ ในขณะนี้ที่เห็น ผัสสะไม่ได้กระทบเสียง แต่ในขณะที่ได้ยิน เพราะผัสสเจตสิกเป็นนามธรรมอีกชนิดหนึ่งกระทำกิจกระทบเสียง พร้อมกับจิตเกิดขึ้นได้ยินเสียง ทั้งๆ ที่ทางตา ผัสสะกระทบสิ่งที่ปรากฏ จิตก็เห็นสิ่งที่ผัสสะกระทบ ทางหู ผัสสะกระทบเสียง จิตก็เกิดขึ้นได้ยินเสียงที่ผัสสะกระทบ

    เพราะฉะนั้นจิตเป็นบ่อเกิด เป็นที่อาศัย เป็นที่ประชุมของธรรมอื่น เป็นสภาพธรรมที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้นกระทำกิจแล้วก็ดับไปแต่ละขณะ แต่ในขณะที่เห็นนี้ ไม่ปรากฏว่าดับเลย ใช่ไหมคะ สีสันวัณณะที่กำลังปรากฏทางตาก็ยังคงปรากฏเสมือนไม่ดับเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเหตุว่านามธรรม คือ จิตและเจตสิกเกิดดับอย่างรวดเร็วมาก รูปก็เกิดดับเร็วกว่าที่คิด ไม่ใช่ว่าดำรงคงอยู่นานๆ อย่างนี้เลย แต่โดยสภาพของรูป ย่อมเป็นสภาพที่หยาบกว่าจิต ซึ่งเป็นนามธรรม เพราะฉะนั้นชั่วอายุสั้นๆ ของรูปๆ หนึ่งที่ยังไม่ดับไป จิตเกิดดับหลายขณะ

    เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า ที่ทุกสิ่งทุกอย่างยังปรากฏเสมือนไม่ดับไปเลย ก็เป็นเพราะเหตุว่านามธรรมซึ่งเป็นสภาพที่รู้สิ่งที่ปรากฏนั้นเกิดดับเร็วกว่ารูปธรรมมาก จึงทำให้ดูเหมือนรูปธรรมที่ปรากฏ ก็ยังคงปรากฏอยู่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ทั้งนามธรรมและรูปธรรมเกิดดับอย่างรวดเร็ว แต่ว่านามธรรมนั้นเกิดดับเร็วกว่า


    หมายเลข 6708
    15 ก.ย. 2566