ในขณะระลึกรู้นามหรือรูป
ผู้ฟัง บางครั้งขณะที่เรากำลังระลึกรู้บ่อยๆ จะเบื่อ
ท่านอาจารย์ เบื่อไม่อยากเจริญสติ หรือเบื่ออะไร
ผู้ฟัง เบื่อในอารมณ์
ท่านอาจารย์ เบื่อในอารมณ์ อารมณ์อะไรที่น่าเบื่อ สีที่กำลังปรากฏนี้น่าเบื่อหรือยัง เสียงที่กำลังได้ยินนี้น่าเบื่อหรือยัง กลิ่นที่กำลังปรากฏทุกวันเป็นปกติธรรมดาๆ น่าเบื่อหรือยัง รสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ร้อนต่างๆ นั้นน่าเบื่อหรือยัง เย็น ร้อน อ่อน แข็งที่กำลังกระทบสัมผัสน่าเบื่อหรือยัง
เหตุต้องสมควรแก่ผล หรือว่าผลที่จะเกิดขึ้นต้องสมควรแก่เหตุ ดังนั้นเบื่ออะไร นึกเบื่อ อย่าเพิ่งรีบเบื่อ หรือว่าเบื่อจริงๆ ก็ต้องบอกให้ถูกว่าเบื่ออะไร
ผู้ฟัง ถ้าเราเห็นสี เราพิจารณาตลอด ...
ท่านอาจารย์ แต่ไม่ใช่ความรู้ชัดที่จะเป็นความเบื่อที่รู้จริง ความเบื่อที่แท้จริงเป็นญาณที่เกิดต่อกันไปเป็นขั้นๆ จนถึงขั้นที่เบื่อด้วยปัญญาที่รู้ชัดในลักษณะของนาม และรูป
แต่นี่เป็นการนึกเบื่อ คิดเบื่อ อย่าเพิ่งเบื่อเลย เพราะเบื่อนี่หมายความว่าต้องรู้ชัดในลักษณะของนาม และรูป และความรู้ชัดที่เป็นวิปัสสนาญาณ ไม่ใช่ขั้นการศึกษา ไม่ใช่ขั้นคิด แต่เป็นขั้นที่ประจักษ์ลักษณะที่เป็นนามธรรม ลักษณะที่เป็นรูปธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง
อย่าเพิ่งเบื่อเลย เพราะเบื่อนี่หมายความว่าต้องรู้ชัดในลักษณะของนาม และรูป และความรู้ชัดที่เป็นวิปัสสนาญาณ ไม่ใช่ขั้นการศึกษา ไม่ใช่ขั้นคิด แต่เป็นขั้นที่ประจักษ์ลักษณะที่เป็นนามธรรม ลักษณะที่เป็นรูปธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง บางท่านใจร้อน อยากจะประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไปของนาม และรูป แต่ขอให้ท่านคิดอย่างนี้ว่า เวลานี้โลกทั้งโลกไม่มีอะไรเลย ถ้าปัญญาเกิดขึ้นจริงๆ เป็นปัญญาที่รู้ชัด และประจักษ์แล้วล่ะก็ โลกทั้งโลกไม่มีอะไรเลย ถ้าทางตาก็เป็นเห็นอย่างเดียว สีเท่านั้นที่กำลังปรากฏอย่างเดียว อย่างอื่นหมดทั้งโลกไม่เหลือแล้ว ถ้าระลึกรู้ลักษณะของนามทางหู หรือว่าเสียงที่ปรากฏทางหู ถ้าเป็นปัญญาที่รู้ชัดในลักษณะนั้นจริงๆ โลกอื่นหมดแล้วไม่เหลือเลย จะมีแต่เฉพาะเสียงอย่างเดียวที่กำลังปรากฏ อย่างอื่นหมดว่างเปล่าไปหมด จะมีแต่เฉพาะได้ยินที่กำลังปรากฏ แล้วแต่ว่าในขณะนั้นปัญญาของท่าน ระลึกรู้สภาพที่เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม ทีละลักษณะ ทีละอย่างเท่านั้นในโลกนี้ อย่างอื่นหมดไม่มีเหลือแล้ว ใจจริงๆ ที่รู้อย่างนั้นเป็นอย่างไร จะเหมือนกับที่เห็นกระดานแล้วนึกเบื่อไหม กระดานนี้ก็ไม่เที่ยง ดูไปดูมาก็น่าเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรเลยก็เป็นเพียงแค่กระดานเท่านั้นเอง เหมือนกันไหม แต่ปัญญาที่กำลังประจักษ์ลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม ทีละอย่าง อย่างอื่นหมดไม่มีเหลือในโลก ใจเป็นอย่างไร นี่ยังไม่ถึงขั้นเบื่อ แค่นามรูปปริจเฉทญาณ ยังไม่ถึงขั้นเบื่อ กิเลสหนาแน่นสักเท่าไหร่ แต่ให้ทราบถึงความชัดเจนของปัญญาที่จะรู้ชัดในสภาพความเป็นอนัตตาที่ไม่ใช่ตัวตนสืบต่อเป็นโลกที่ติดกันทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ แต่ว่าจะมีเฉพาะลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมแต่ละชนิดเพียงอย่างเดียวทีละอย่าง ในขณะนั้นใจเป็นอย่างไร ความรู้ชัดในลักษณะที่เป็นนามธรรมไม่นกับรูปธรรม ความรู้ชัดในลักษณะที่เป็นนามธรรมไม่นกับรูปธรรม ไม่มีลักษณะอื่นมาปนเลย แค่นี้ยังไม่เบื่อ เป็นแค่ขั้นต้นเท่านั้น กว่าจะถึงขั้นเบื่อนั้นจะอีกนานสักเท่าไหร่ แล้วก็การสำเหนียก ให้ปัญญารู้ชัดเพิ่มขึ้น ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ละเอียดที่จะรู้ว่า เจริญอย่างไรปัญญาจึงจะเพิ่มขึ้น หรือว่าข้อปฏิบัติอย่างไร ปัญญาไม่สามารถจะเจริญอีกต่อไปได้
ยังไม่ทันไรจะเบื่อเสียแล้ว โดยที่ปัญญายังไม่ทันรู้ลักษณะของนาม และรูป ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ต้องสำเหนียก ระวังอย่าให้มีความเห็นผิดเป็นสีลัพพตปรามาสกายคันถะในข้อประพฤติปฏิบัติที่จะผูกท่านไว้กับความเห็นผิด และในชาติต่อๆ ไปก็ไม่แน่ว่า ท่านจะมีความเห็นผิดเหมือนอย่างในชาตินี้อยู่หรือไม่ คือ ไม่เจริญปัญญา