ระลึกอารมณ์ที่ปรากฏโดยไม่เว้นนั้นไม่ผิดแต่ให้ทราบลักษณะของสติฯ
ผู้ฟัง ในการเรียนสติปัฏฐานสำหรับกระผมนั้นเพิ่งจะเริ่มต้น และมีความเข้าใจรวบรัด และท่องคาถาว่า มีสติทุกขณะ ไม่ว่าจะคิดพูดทำ อย่างนี้จะดีไหม
ท่านอาจารย์ ไม่ผิด แต่ต้องทราบลักษณะของสติ เพราะว่าธรรมดาแล้วมีจิตอยู่ตลอดเวลา แล้วจิตก็ไปในสภาพที่รู้อารมณ์ อารมณ์ก็ปรากฏ ทำตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ใจบ้าง ก็มีจิตมีอารมณ์ตลอดเวลา แต่ว่าจิตนั้นบางขณะก็เป็นอกุศล บางขณะก็เป็นกุศล บางคณะก็เป็นวิบากคือผลของกุศลอกุศล บางขณะก็เป็นกิริยาจิต ซึ่งก็จะต้องอาศัยการศึกษาด้วยจึงจะทราบว่าขณะไหนเป็นวิบากจิต ขณะไหนเป็นกุศลจิต เป็นอกุศลจิต เพราะฉะนั้นการที่จะมีสติระลึกรู้ลักษณะของนาม และรูปทุกขณะไม่เว้น ไม่เลือก เป็นความคิดที่ถูก แต่ว่าจะต้องทราบขณะที่มีสติกับขณะที่หลงลืมสติว่าต่างกันอย่างไร จึงจะเจริญขณะที่มีสติได้ เพราะเหตุว่าถ้าหลงลืมสติก็เป็นอกุศล โลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง หรือเป็นกุศลก็ได้ ให้ทานบ้าง รักษาศีลบ้าง เจริญสมถภาวนาบ้าง ในขณะนั้นยังไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน ถ้าขณะที่มีสติเจริญสติแล้ว อกุศลจิตเกิดขึ้น สติระลึกในลักษณะที่เป็นอกุศลประเภทนั้นๆ หรือว่าเวลาที่กุศลจิตเกิดขึ้นมีความเมตตามีความกรุณามีความสงเคราะห์ช่วยเหลือบุคคลอื่น ในขณะนั้น ผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐานก็ระลึกรู้สภาพของจิตที่เป็นกุศล ว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงนามธรรมชนิดหนึ่ง ขณะหนึ่ง เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปกติเจริญสติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมแล้วรู้ด้วยว่า ขณะใดหลงลืมสติ ขณะใดมีสติ เพื่อจะได้ทราบความต่างกันว่า ขณะไหนเป็นตัวตน เป็นสัตว์เป็นบุคคล ขณะไหนเป็นการรู้ลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม