กุศลไม่ใช่มีเฉพาะทานอย่างเดียว
ท่านอาจารย์ นี่แสดงให้เห็นว่า กุศลไม่ใช่มีเฉพาะทานอย่างเดียว โดยมากท่านผู้ฟังคิดถึงกุศลว่าได้แก่ทาน คือ การให้วัตถุที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับ คิดเท่านี้ ว่านั่นเป็นบุญแล้ว นั่นเป็นกุศลแล้ว แต่ลืมกุศลอื่น ถ้าไม่มีเงินทอง หรือว่าบังเอิญขาดเงิน กุศลอื่นยังมีอีกมากที่จะกระทำได้ แต่ส่วนใหญ่ทุกคนลืมกุศลประการอื่น เพราะเหตุว่าไม่ได้เข้าใจในอรรถของกุศลว่า
“กุศล” หมายความถึงสภาพธรรมที่ไม่เป็นโทษ ไม่ใช่สภาพธรรมที่เป็นโลภะ ความหวัง ความต้องการ ความพอใจ ความยึดมั่น ไม่ใช่โทสะ ซึ่งเป็นความหยาบกระด้าง ความขุ่นเคือง ไม่ใช่โมหะ คือ การไม่รู้ลักษณะของกุศลและอกุศล
ใครก็ตามที่ไม่รู้ลักษณะของกุศลและอกุศล ย่อมเจริญกุศลไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าขณะไหนเป็นกุศล ขณะไหนเป็นอกุศล
เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้อรรถ คือ ลักษณะสภาพของกุศลธรรม ก็จะเข้าใจเพียงว่า ท่านสามารถจะทำกุศลได้เฉพาะเวลาที่ท่านมีเงินทองทรัพย์สินเท่านั้น แต่ลืมความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถึงแม้ไม่มีเงิน แต่มีวัตถุ มีสิ่งของที่จะเจือจาน ที่จะสละที่จะช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ ท่านช่วยได้ไหม ถ้าไม่ได้ ขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล แต่ถ้ายังไม่เห็นว่า การกระทำอย่างใดควร เป็นกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่มีโทษ ท่านก็จะคิดเศร้าหมองใจว่า ท่านขาดเงิน ทำบุญต่อไปอีกไม่ได้แล้ว แต่ความจริงไม่ต้องมีเงิน กุศลอื่นก็มีอีกหลายประการที่จะทำได้ แม้แต่การที่จะมีความรู้สึกเป็นมิตรไมตรีกับบุคคลอื่น มีความรู้สึกเสมอกันกับบุคคลอื่น มีคำพูดที่อ่อนหวานด้วยใจจริง ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เจือจาน ขณะนั้นทั้งหมดเป็นสภาพธรรมที่ไม่เป็นโทษ
แต่ตรงกันข้าม ถ้ายังมีมานะ สำคัญตนว่า สูงกว่าบุคคลอื่น หรือว่ายังมีเขา ยังมีเรา ในขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล เพราะเหตุว่าในขณะนั้นเป็นสภาพธรรมที่เป็นโทษ หรือว่าไม่เป็นโทษที่คิดอย่างนั้น ที่เข้าใจว่าจะต้องมีความสำคัญตน จะต้องมีการแบ่งแยกเป็นเขาเป็นเรา จะต้องไม่ช่วยเหลือ จะต้องไม่เอื้อเฟื้อเจือจาน จิตที่คิดอย่างนั้น เข้าใจอย่างนั้นเป็นโทษ หรือไม่เป็นโทษ
เพราะฉะนั้น กุศล คือ สภาพธรรมที่ไม่เป็นโทษ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะไม่มีเงิน ไม่มีวัตถุ ไม่มีสิ่งของให้แก่บุคคลอื่น แต่ก็ยังสามารถที่จะมีสภาพของกุศลธรรมที่ไม่เป็นโทษ ทางกาย คือ การช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทางวาจา ไม่ดูถูก ดูหมิ่น ทางใจประกอบด้วยความเมตา กรุณา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่นได้ ในขณะนั้นก็เป็นกุศล
เพราะฉะนั้นบางท่าน เพราะไม่เข้าใจในลักษณะของกุศล ก็เลยคิดว่า ท่านจะทำกุศลอย่างเดียว คือ ทาน แต่ว่าท่านไม่สามารถจะสละวัตถุ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เจือจานบุคคลอื่นได้ มีไหมคะ ถ้ามีเงินละให้ได้ แต่ว่าสิ่งที่ท่านมี พอที่จะเอื้อเฟื้อเจือจานสงเคราะห์บุคคลที่ควรจะสงเคราะห์ในขณะนั้น ท่านให้ไม่ได้ เพราะมีความสำคัญตน หรือว่าเพราะมีความหวงแหนในวัตถุนั้น มีไหมคะอย่างนี้ มี
แต่ถ้าเข้าใจลักษณะของกุศลจริง ๆ จะเจริญกุศลทุกประการ แม้ว่าจะไม่มีทรัพย์สินเงินทองที่จะให้ แต่ก็ยังมีสิ่งอื่น ซึ่งพอจะสละให้ได้ ขณะนั้นก็เป็นกุศล