ถ้าไม่มีปัญจทวาราวัชชนจิต จิตเห็นก็เกิดไม่ได้เลย
ผู้ฟัง ถ้าเช่นนั้นขณะที่หลับสนิท จักขุปสาทเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่หลับปสาทรูปก็ยังเกิดดับ แต่ว่าลักษณะของสี คือวัณณะรูปก็จะต้องมีเกิดแล้วก็ดับแต่เมื่อสองรูปนี้กระทบกันในขณะที่เป็นภวังค์ แต่ว่าไม่มีอีก ๒ ปัจจัยเกิด คือ แสงสว่างกับปัญจทวาราวัชชนจิตเกิด ก็ไม่เกิดการเห็นใช่ไหม
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดก่อน จักขุวิญญาณเกิดไม่ได้เลย
ผู้ฟัง แต่ ๒ รูปนั้นก็เกิดดับ
ท่านอาจารย์ จักขุปสาทรูปก็เกิดดับ
ผู้ฟัง แล้วก็วัณณะรูปก็เกิดดับ
ท่านอาจารย์ ถูกต้อง และข้อความในพระไตรปิฎก แสดงเพียง๓ ปัจจัย คือ เว้นแสงสว่าง
อ.อรรณพ ที่เว้นแสงสว่างนี่ ก็คือท่านหมายรวมในสีวัณณะรูปอยู่แล้ว ใช่ไหม
ท่านอาจารย์ ใช่ เวลาที่ลืมตาในที่ๆ ไม่มีแสงสว่างกับลืมตาในที่ๆ สว่าง ต่างกันหรือเหมือนกัน แต่เห็นใช่ไหม ถึงอย่างไรเห็นก็เกิดเมื่อมีปัจจัย เมื่อไม่ใช่ภวังคจิต และปัญจทวาราวัชชนจิตดับแล้ว เห็นต้องเกิด จะเห็นลักษณะใดก็ตามแต่ในห้องที่มืดสนิท เรายังสามารถบอกได้ว่ามืดสนิท เพราะว่าขณะนั้นไม่ใช่คนตาบอด ถ้าคนตาบอดไม่มีอะไรจะกระทบกับจักขุปสาทเพราะไม่มีจักขุปสาท แต่สำหรับคนที่มีจักขุปสาท แล้วปัญจทวาราวัชชนจิตดับ นี่คือเหตุใกล้ที่จะให้เกิดจักขุวิญญาณ แต่จะเห็นอย่างไร จะมีแสงสว่างมากแค่ไหน เพราะเหตุว่าแม้แต่ความสว่างก็มีตั้งแต่มืดสนิท เมื่อลืมตาตื่นมารู้ว่ายังไม่สว่าง และเมื่อมีแสงสว่างค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถเห็นสิ่งต่างๆ เป็นสีสันวัณณะต่างๆ มากขึ้น