ยาแก้ยาพิษคือการเจริญสติปัฏฐานเท่านั้น
เวลาที่เห็น แล้วเกิดโลภะ ยินดี พอใจ ในอารมณ์ คือ รูปารมณ์ที่กำลังปรากฏ ดูเหมือนไม่เป็นโทษ ใช่ไหมคะ เป็นแต่เพียงพอใจธรรมดา ๆ แต่ให้รู้ว่าในขณะนั้นเป็นธรรมที่เป็นโทษ เป็นธรรมที่ให้ผลเป็นทุกข์ แต่ค่อย ๆ สะสมทุกข์ขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่ว่าปรากฏความเป็นทุกข์ขึ้นทันที ถ้ามีความพอใจเพียงเล็กน้อย ไม่เหมือนกับขณะที่เกิดความพอใจมาก ถึงขั้นที่เป็นนิวรณธรรมกลุ้มรุมในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการคิด ก็คิดแต่ในสิ่งที่พอใจอย่างแรง ลักษณะอาการของความหนัก ความที่เป็นอกุศล ความกระสับกระส่าย ความไม่สงบก็ปรากฏ
เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ลืมตามานี่ ชวนวิถี สั่งสมสันดานที่เป็นกุศลหรืออกุศล ใครจะตอบได้คะ
ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาตรงต่อความเป็นจริง อกุศลมากไหมคะ แล้วจะทำอย่างไรดี ทุกท่านกำลังกินยาพิษ เพราะฉะนั้นก็แสวงหายาที่จะรักษายาพิษ ถ้ารู้ ถ้าไม่รู้ ก็ยังคงกินยาพิษ สะสมยาพิษ ซึ่งเวลาที่ให้ผลก็จะให้ผลเป็นโทษภัย ทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นยาพิษ ก็แสวงหายาซึ่งจะรักษายาพิษ ซึ่งมีชนิดเดียว คือ การอบรมเจริญสติปัฏฐานเท่านั้น
น่าหนักอกหนักใจหรือเปล่าคะ แต่ว่าถ้ารู้ก็ดีกว่าไม่รู้ใช่ไหมคะ นี่คือสภาพธรรมตามความเป็นจริงค่ะ เพื่อที่จะได้เป็นผู้ไม่ประมาท และเห็นโทษของอกุศลว่า ขณะใดที่สติปัฏฐานไม่เกิด ไม่มีหนทางที่จะพ้นจากการสะสมของอกุศล เพราะเหตุว่ากุศลอื่น ๆ ก็เกิดน้อย แต่ถ้าอบรมเจริญสติปัฏฐาน สติปัฏฐานก็สามารถที่จะเกิดแทนอกุศล เพราะโวฏฐัพพนวิถีจิตโยนิโสมนสิการแล้วมหากุศลก็เกิด พร้อมด้วยสติที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ