วิบากจิต
หลังจากที่อาวัชชนจิตดับไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตเห็น ซึ่งเป็นจักขุวิญญาณ ก็เป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว ทำให้ได้เห็นอารมณ์ที่ดีเป็นอิฏฐารมณ์ หรือว่าอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ เป็นอนิฏฐารมณ์
หรือทางหู โสตวิญญาณก็เป็นวิบากจิต ไม่มีใครรู้ใช่ไหมคะว่า ต่อไปโสตวิญญาณจะได้ยินเสียงอะไร แล้วแต่เหตุในอดีตทั้งสิ้นทางจมูก ฆานวิญญาณ ที่รู้กลิ่น ก็เป็นวิบากจิต ทางลิ้น จิตที่ลิ้มรส ชิวหาวิญญาณก็เป็นวิบากจิต ทางกาย จิตที่รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เป็นกายวิญญาณก็เป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรม ซึ่งกระทำให้จิตเหล่านี้เกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ต่อจากอาวัชชนจิต และเมื่อดับไปแล้ว ก็เป็นอนันตรปัจจัยให้สัมปฏิจฉันนจิตเกิดรับรู้อารมณ์นั้นต่อ และเมื่อสัมปฏิจฉันนจิตซึ่งเป็นวิบาก เพราะเหตุว่ากรรมเดียวกับที่ทำให้จักขุวิญญาณเกิดขึ้น ทำให้สัมปฏิจฉันนจิตเกิดต่อ เป็นวิบาก แล้วก็ดับไป
เมื่อวิบากซึ่งเป็นสัมปฏิจฉันนจิตดับไปแล้ว กรรมเดียวกันนั้นเองก็ทำให้สันตีรณจิต ซึ่งเป็นวิบาก เกิดขึ้นกระทำ “สันตีรณกิจ”
เพราะฉะนั้นในวิถีจิต จักขุวิญญาณ หรือโสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ เป็นวิบาก สัมปฏิจฉันนะเป็นวิบาก สันตีรณะเป็นวิบาก ไม่ได้สั่งสมสันดาน เพียงแต่เกิดขึ้นกระทำกิจ แล้วก็ดับไป