วิถีจิตทางหู กับ การเจริญสติปัฏฐาน
ถ้าเป็นวิถีจิตทางหู เมื่อโสตทวารวิถีจิตทั้งหมด คือ ตั้งแต่ปัญจทวาราวัชชนจิต โสตวิญญาณจิต สัมปฏิจฉันนจิต สันตีรณจิต โวฏฐัพพนจิต ชวนจิต และตทาลัมพนจิต ดับไปหมดแล้ว วิถีจิตดับหมดแล้ว ภวังคจิตเกิดต่อคั่นมากหลายขณะ แล้วมโนทวาราวัชชนจิตก็รำพึงถึงเสียง ซึ่งโสตทวารวิถีจิตเพิ่งรู้ แล้วก็ดับไป เป็นอารมณ์ ชวนจิตทางมโนทวารวิถี และตทาลัมพนะทางมโนทวารวิถีก็เกิดขึ้นรู้เสียงซึ่งทางโสตทวารวิถีเพิ่งรู้แล้วก็ดับไป
เพราะฉะนั้นในขณะนี้จะมีใครที่จะทราบความเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วของทางจักขุทวารวิถี ภวังคจิต และมโนทวารวิถี หรือว่าทางโสตทวารวิถีซึ่งดับไป มีภวังค์คั่น แล้วมโนทวารวิถีก็รู้เสียง ซึ่งทางโสตทวารวิถีเพิ่งรู้ แล้วก็ดับไป
การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามปกติตามความเป็นจริง เมื่อตามความเป็นจริง ก่อนที่สติจะเจริญขึ้น ทั้งเห็นด้วย และยังไม่ปรากฏว่าดับ ก็มีการได้ยิน แล้วก็ยังมีการคิดนึก รู้ความหมายของเสียงที่ได้ยินด้วย
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า จิตเกิดดับสืบต่อกันเร็วมาก เพราะฉะนั้นสติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตาที่กำลังเห็นก็ได้ โดยที่ไม่ต้องนึกถึงว่า ขณะนี้เป็นปัญจทวารวิถี หรือว่าเป็นมโนทวารวิถี ไม่จำเป็นต้องคิดค่ะ เพราะเหตุว่าถ้าคิดในขณะนั้น กำลังรู้คำ รู้เรื่อง รู้ชื่อ รู้บัญญัติ ไม่ใช่เป็นการมนสิการพิจารณาน้อมที่จะรู้สภาพของสิ่งที่ปรากฏว่า เป็นเพียงสภาพธรรมชนิดหนึ่งซึ่งกำลังปรากฏ และสามารถจะปรากฏได้เฉพาะทางตาในขณะที่กำลังเห็น