การอบรมเจริญสติปัฏฐานต้องทั่วทั้ง ๖ ทาง


    เพราะฉะนั้นการอบรมเจริญสติปัฏฐานต้องทั่วทั้ง ๖ ทาง เพราะเหตุว่าทั้ง ๖ ทางซึ่งรวมกันติดแน่น ทำให้สัญญา ความทรงจำในสัณฐาน ในรูปร่างของสิ่งที่ปรากฏ ประกอบกับการรู้ความอ่อน ความแข็ง โดยการกระทบทางกาย ก็ทำให้เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่าง รวมเป็นบุคคล เป็นสัตว์ เป็นวัตถุสิ่งต่าง ๆ ขึ้น ยากที่จะพลัดพรากให้กระจัดกระจายออก ให้เห็นว่า รูปารมณ์เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา และสิ่งที่อ่อนแข็ง เวลากระทบสัมผัส ก็เป็นแต่เพียงธาตุ ซึ่งไม่ใช่คน ไม่ใช่วัตถุ ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่เสียงที่ปรากฏทางหู ไม่รวมกันเหมือนอย่างแต่ก่อน

    เพราะฉะนั้นปริยัติต้องอย่าปนนะคะ อย่าคิดว่ารู้แล้ว

    แสดงให้เห็นว่า การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องละเอียด และเป็นเรื่องที่จะต้องอบรมนาน และเป็นเรื่องที่จะต้องเป็นการศึกษารู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น

    เพราะฉะนั้นสภาพธรรมทุกอย่างต้องตรงตามความเป็นจริง สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมทางตา ก็จะเพิ่มความรู้ในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตาว่า เป็นเพียงลักษณะที่มีจริง แล้วก็เพียงปรากฏเท่านั้น นั่นเป็นทางตา ส่วนทางใจที่รับรู้ต่อ ก็สามารถนึกถึงรูปร่างสัณฐาน จดจำส่วนสัดต่างๆของสีที่ต่างกัน ทำให้เกิดความทรงจำว่าเป็นวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นได้

    แสดงให้เห็นว่า การอบรมเจริญปัญญา ที่จะรู้จริงๆในลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ความรู้นั้นต้องประจักษ์จริงๆในความไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ทางมโนทวารวิถี จึงเป็นการแยกขาด เพราะเหตุว่ามโนทวารวิถีคั่นทุกปัญจทวารวิถี เมื่อจักขุทวารวิถีดับไปแล้ว มโนทวารวิถีเกิดต่อ จึงสามารถประจักษ์ความดับไปของรูปารมณ์ได้ และรู้ว่า สภาพธรรมที่ปรากฏทางมโนทวาร เป็นแต่เพียงลักษณะของสภาพธรรมซึ่งไม่รวมกันทุกทวาร จนกระทั่งเป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้


    หมายเลข 6945
    24 ส.ค. 2558