ผู้ที่เข้าใจสติปัฏฐานไม่ได้แยกไปจากการเจริญสติปัฏฐานในชีวิตประจำวันเลย
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ผู้ที่เข้าใจเรื่องการอบรมเจริญสติปัฏฐานแล้ว ชีวิตประจำวันของท่านไม่ได้แยกกับการเจริญสติปัฏฐานเลย ไม่ว่าท่านจะเป็นพ่อค้าวาณิช ไม่ว่าท่านจะประกอบอาชีพใด ๆ ท่านที่เป็นแม่บ้าน พ่อบ้าน หรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นผู้ที่มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน เช่นในขณะนี้ทุกท่านกำลังฟังธรรม จะต้องให้บอกกำกับไปด้วยไหมคะว่า เวลานี้ท่านผู้นี้กำลังเป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของกาย หรือว่าท่านผู้นั้นกำลังเป็นจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในพระไตรปิฎกจะต้องบอกไหมคะ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า สติปัฏฐานเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี หรือท่านวิสาขามหาอุบาสิกา หรือว่าปุณณทาสี ทุกคนนี้ไม่ได้แยกสติปัฏฐานออกจากชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะกล่าวว่า เมื่อไปตลาดก็สติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนา หรือกายานุปัสสนา หรือเวทนานุปัสสนา ก็เป็นปกติอยู่แล้ว หรือว่าเมื่อทำอาหาร ก็ไม่จำเป็นจะต้องบอกว่า คนนี้กำลังเป็นจิตตานุปัสสนา คนนี้กำลังเป็นกายานุปัสสนา ไม่จำเป็นที่จะกล่าวว่า ในพระชาติต่าง ๆ ของพระผู้มีพระภาคนั้นทรงบำเพ็ญสติปัฏฐาน เพราะไม่ว่าจะเป็นโชติปาลมาณพ หรือว่าไม่ว่าจะเป็นชาติหนึ่งชาติใดของพระองค์ก็ตาม ถ้าไม่ใช่ทรงบำเพ็ญบารมีมาทุกชาติ ๆ ด้วยการเป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐานแล้ว สามารถจะตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหม เพราะฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นเวลากล่าวถึงประวัติของพระสาวกที่จะต้องกล่าวว่า ท่านเจริญสติปัฏฐาน ในขณะที่ท่านกำลังซื้อ กำลังขาย กำลังบริโภคอาหาร หรือว่ากำลังประกอบกิจการงานอะไร แต่เวลาที่ท่านบรรลุคุณธรรมแล้ว ท่านกล่าวว่าท่านบรรลุคุณธรรมขณะไหน ขณะกำลังล้างเท้า ขณะกำลังทำอาหารอยู่ในครัว หรือว่ากำลังดับตะเกียง เป็นชีวิตประจำวัน แต่ว่าก่อนนั้นจะต้องให้บอกไหมว่า พอพลิกตัวก็สติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรม กำลังพูด กำลังสนทนา ในเมื่อสติปัฏฐานก็บอกแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นนั่ง นอน ยืน เดิน พูด นิ่ง คิด ประกอบกิจการงานต่าง ๆ