จาก ภวังค์ ไปสู่ วิถีจิตแรกซึ่งเป็นกิริยาจิต


    ผู้ฟัง ทำไมถึงกลับมาเป็นกิริยาที่เป็นปัญจทวาราวัชชนจิต

    ท่านอาจารย์ กรรมจะทำให้คุณเด่นพงษ์หลับสนิทไปตลอด หรือว่าต้องเห็น ก็ต้องเห็น เพราะฉะนั้นจะเป็นภวังค์ต่อไปไม่ได้เลยใช่ไหม เมื่อเป็นภวังค์ต่อไปไม่ได้ ภวังค์ที่จะทำให้สิ้นสุดกระแสภวังค์ที่จะต้องรู้อารมณ์ใหม่ ก่อนที่จะถึงภวังค์สุดท้าย ต้องมีภวังคุปัจเฉทะเป็นภวังค์ขณะสุดท้าย และก่อนนั้นต้องเป็นภวังคจลนะ และถ้าเป็นอารมณ์ที่กระทบทวารก็แสดงอายุของรูปนั้นว่าจะดับเมื่อไหร่ เพราะมีอายุแค่ ๑๗ ขณะจิต อาศัยการกระทบกันของปสาทกับอารมณ์ตรงนั้นชื่อว่าอตีตภวังค์ เพราะขณะนั้นยังไม่ใช่วิถีจิตเลย เพียงแค่อารมณ์กระทบทวาร และภวังคจลนะดับ ภวังคุปัจเฉทะดับ จิตเกิดต่อหรือไม่ ไม่ได้กลับไปกลับมาเลย เพียงแต่ว่าเมื่อจิตนั้นดับแล้วจิตอื่นก็เกิดต่อ ไม่ได้เอาจิตไหนกลับมา ไม่มีเลย แต่การดับไปของภวังคุปัจเฉทะนั้นเป็นอนันตรปัจจัยให้จิตที่เกิดต่อไม่ใช่วิบากจิต ไม่ใช่ภวังคจิตอีกต่อไป เพราะจะต้องเห็น ถ้าปัญจทวาราวัชชนจิตไม่เกิด คุณเด่นพงษ์จะเป็นภวังค์ตลอด แต่เพราะว่าภวังคุปัจเฉทะดับ ก็หมายความว่าวิถีจิตหนึ่งทางทวารหนึ่งจะเกิดขึ้น

    ผู้ฟัง อธิบายง่ายๆ อย่างนี้ได้ไหมเพราะเหตุว่ามันไม่ใช่ภวังค์

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง จิตเกิดดับสืบต่อตามปัจจัย เพราะฉะนั้นเมื่อภวังคุปัจเฉทะดับ ปัจจัยของภวังคุปัจเฉทะทำให้วิถีจิตแรกเกิดขึ้น กล่าวเช่นนี้เข้าใจได้ใช่ไหม

    ธรรมที่จะทำให้เข้าใจไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่อาศัยการฟังเข้าใจ เราสามารถเข้าใจสิ่งที่มีอยู่ในหนังสือได้ใช่ไหม เช่น จิตใดก็ตามที่ไม่ใช่ภวังคจิต จิตนั้นเป็นวิถีจิต ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็จะรู้เลยว่า เมื่อภวังคุปัจเฉทะดับแล้วจะเป็นภวังค์ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องเป็นวิถีจิต เพราะอาศัยทวาร วิถีจิตกับทวารนี่ต้องคู่กัน เมื่อเป็นภวังคจิตไม่ได้อาศัยทวารหนึ่งทวารใดเกิดขึ้นรู้อารมณ์เลย แต่รู้อารมณ์ได้โดยไม่อาศัยทวาร

    ผู้ฟัง ถ้าอาศัยทวารเกิดเมื่อไหร่เป็นวิถีจิตเมื่อนั้น ไม่ว่าจะมโนทวาร หรือ ปัญจทวาร

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง เพราะฉะนั้นจึงมีวิถีจิต ขณะเห็นไม่ใช่ภวังค์ ก่อนเห็นเป็นอะไร

    ผู้ฟัง เป็นวิถีจิตแรก

    ท่านอาจารย์ ลืมไม่ได้เลย หลังจากที่ภวังคุปัจเฉทะดับไปแล้ว จิตต้องอาศัยทวารหนึ่งทวารใดเกิดขึ้นรู้อารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด และทวารมี ๖ ทาง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่จะมีวิถีจิตแรก ถ้าเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย จิตที่รู้อารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดโดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใดใน ๕ ทวาร ขณะนี้กำลังเข้าใจจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยทวารหนึ่งทวารใดใน ๕ ทวารจึงเกิดได้ และเป็นวิถีจิตแรกด้วย ที่เป็นวิถีจิตแรกเพราะทำอาวัชชนกิจ ยังเห็นไม่ได้ ยังได้ยินไม่ได้เลย จากภวังค์จะไปเห็นทันทีไม่ได้ จากภวังค์ต้องเป็นวิถีจิตแรก คือ ปัญจทวาราวัชชนจิต กล่าวโดยรวมเป็น ๕ แต่ถ้ากล่าวแยกทางตาก็เป็นจักขุทวาราวัชชนะ หมายความถึงจิตที่รู้ว่าอารมณ์กระทบทวารไหน ถ้าแปลโดยตรงศัพท์นี้จะหมายถึงรำพึงถึงอารมณ์ จักขุทวาราวัชชนะ รำพึงถึงอารมณ์ที่กระทบจักขุปสาทซึ่งเป็นจักขุทวาร แต่ไม่ใช่รำพึงยาวอย่างที่เราคิดในภาษาไทย เพียงแค่รู้ตัวจากที่นอนหลับสนิทไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้สึกตัวเลย ก็เป็นการเพิ่งรู้สึกตัวขณะแรก รู้ว่าอารมณ์นั้นกระทบทวารไหน ถ้าเป็นทางตาอาศัยจักขุทวาร รูปที่กระทบตามีอายุ ๑๗ ขณะจิตยังไม่ดับเลย แล้วก็รู้รูปที่ยังไม่ดับรูปเดียวนั้นเองสืบต่อ

    ผู้ฟัง รูปก็ยังอยู่

    ท่านอาจารย์ รูปยังไม่ดับเพราะมีอายุ ๑๗ ขณะจิต ต่อเมื่อใดที่รูปดับ หมดการอาศัยทวารนั้น จิตต้องเป็นภวังค์ทันที ดำรงภพชาติจนกว่าจะมีการรู้อารมณ์โดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใดอีก


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 73


    หมายเลข 7033
    17 ก.ย. 2567