ทบทวนเรื่องเหตุ ๖
ท่านอาจารย์ ทบทวนให้แม่นยำอีกครั้งหนึ่งว่า "เหตุ" มีทั้งหมดเท่าไหร่ มี ๖ เป็นอกุศลเหตุ ๓ เป็นโสภณเหตุ ๓ เพราะฉะนั้น อกุศลเหตุ ได้แก่โลภะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ เป็นอกุศลเหตุ ๓ จะมีอกุศลเจตสิกที่เป็นเหตุมากกว่านี้ได้ไหม ไม่ได้ ทิฏฐิเจตสิกเป็นอกุศลเจตสิกเป็นเหตุได้ไหม ไม่ได้ เจตสิกอื่นๆ ที่เป็นอกุศลเป็นเหตุไม่ได้เลยนอกจากโลภะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ เท่านั้นที่เป็นอกุศลเหตุ และคำว่า"อกุศลเหตุ" ต้องตายตัว หมายความว่าเป็นอกุศลได้ชาติเดียว เพราะว่าจริงๆ แล้วทั้งจิต และเจตสิกจะต่างออกเป็น ๔ ชาติ คือ เป็นชาติกุศล ๑ เป็นชาติอกุศล ๑ ซึ่งเป็นเหตุ และเป็นชาติวิบาก ซึ่งเป็นผล ๑ และเป็นชาติกิริยาซึ่งไม่ใช่เหตุไม่ใช่ผล ๑ เพราะฉะนั้น ถ้าใช้คำว่า อกุศลเหตุ หมายความถึงเจตสิกที่เป็นอกุศล ๓ ถูกต้องไหม อกุศลเจตสิกอื่นเป็นเหตุได้ไหม เป็นเหตุไม่ได้ เป็นอกุศลได้ แต่เป็นเหตุไม่ได้
เพราะฉะนั้นอกุศลเหตุมีเพียง ๓ เท่านั้น และอกุศลเจตสิก ๓ เป็นชาติอื่นไม่ได้เลย เมื่อเกิดขึ้นขณะใดต้องเป็นอกุศลเท่านั้นชาติเดียว อย่างเดียว จะไปเกิดกับอกุศลวิบากไม่ได้ เพราะนั่นเป็นชาติวิบาก เป็นผลของอกุศลกรรม เพราะฉะนั้น สำหรับเจตสิก ๓ ที่เป็นอกุศลเหตุเกิดเมื่อใด ที่ไหน เป็นอกุศลจิตทั้งนั้น พระโสดาบันมีอกุศลจิตไหม มีอกุศลเหตุไหม มีโลภะ มีโมหะ ขณะนั้นเป็นวิบากได้ไหม ไม่ได้ เป็นกิริยาได้ไหม ไม่ได้เลย อกุศลเหตุ ๓ เกิดที่ใด เมื่อใด อย่างไร ก็ต้องเป็นอกุศลเหตุ ยิ่งกว่านั้นก็คือไม่ใช่เฉพาะแต่อกุศลเหตุ ๓ เท่านั้นที่เป็นชาติอกุศล อกุศลเจตสิกทั้งหมดเป็นชาติอกุศลได้อย่างเดียว เป็นชาติวิบากไม่ได้
เพราะฉะนั้น กรรมที่กระทำด้วยโลภะ กรรมที่กระทำด้วยโทสะ ทำด้วยความริษยา ด้วยความสำคัญตน ด้วยอกุศลใดๆ ก็ตาม เป็นเหตุให้เกิดผลซึ่งเป็นอกุศลวิบากเพียง ๗ ประเภทเท่านั้น เกินกว่านั้นไม่ได้ ไม่ว่าที่ไหนทั้งสิ้น จะมีอกุศลวิบาก ๘ ไม่ได้ จะทำให้เกิดอกุศลวิบากซึ่งเป็นผลของอกุศล เพราะชื่อก็บอกแล้วว่า "วิปากะ" เป็นผลของอกุศล เพราะฉะนั้นอกุศลวิบากทั้้งหมดจะมีเพียง ๗ ดวง ซึ่ง ๗ ดวงขณะนี้ หรือตั้งแต่เกิดจนตายก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่การงานตามกาละของกรรมที่เป็นอกุศลให้ผล คือ จักขุวิญญาณ จิตเห็น อกุศลวิบาก ๑ เห็นสิ่งที่ไม่ดี โสตวิญญาณอกุศลวิบาก ๑ ได้ยินเสียงที่ไม่ดี มีอกุศลเกิดร่วมด้วยได้ไหม จักขุวิญญาณอกุศลวิบากมีอกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วยได้ไหม ไม่ได้ มีโลภะเกิดร่วมด้วยได้ไหม มีโทสะเกิดร่วมได้ไหม มีอิสสาเกิดร่วมด้วยได้ไหม ไม่ได้ มัจฉริยะ มานะ หรืออกุศลเจตสิกอื่นๆ เกิดร่วมด้วยไม่ได้เลย จิตชาติวิบากเป็นผลที่ต้องเกิดขึ้นเห็น แค่เห็นแล้วก็ดับ แค่ได้ยินแล้วก็ดับ แค่ได้กลิ่น แค่ลิ้มรส แค่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ ทาง ที่เป็นอกุศลวิบาก
แต่หลังจากที่จิตเหล่านี้ดับไปแล้ว กรรมก็ยังทำให้วิบากจิตเกิดสืบต่ออีก ๒ ขณะคือ ทันทีที่จักขุวิญญาณดับ สัมปฏิจฉันนะเกิดต่อ ถ้าจักขุวิญญาณเป็นอกุศลวิบาก สัมปฏิจฉันนะเป็นอกุศลวิบาก มีอกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วยได้ไหม ไม่ได้เลย ขึ้นชื่อว่าอกุศลวิบากจะมีอกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วยไม่ได้ แต่ถ้าชื่อว่าอกุศลจิตเกิดเมื่อไหร่ต้องมีอกุศลเจตสิกซึ่งเป็นเหตุเกิดร่วมด้วย และก็มีอกุศลอื่นๆ เกิดร่วมด้วย หรือว่าจะกล่าวว่าเจตสิกใดที่เกิดกับอกุศลจิต เจตสิกทั้งหมดนั้นเป็นอกุศล แต่ไม่ใช่อกุศลเจตสิก แต่เป็นชาติอกุศล แต่สำหรับอกุศลเจตสิกจะมีเพียง ๑๔ ประเภทเท่านั้น
สำหรับอกุศลวิบากก็มีจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ ๕ ดับไปแล้วก็มีสัมปฏิจฉันนอกุศลวิบากเกิดสืบต่อ ดับไปแล้วก็มีสันตีรณอกุศลวิบากเกิดสืบต่อ เท่านั้นเองเป็นผลของอกุศลกรรม น้อยไปหรือไม่ ได้แค่นี้เอง ทำกรรมแสนสาหัสขนาดไหนก็ได้ผลแค่นี้เอง น้อยไหม นึกถึงว่าจะน้อย ก็ลำบากสุดจะทน ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น แต่ที่ทนที่สุดคือทางกาย เราจะเห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ก็ไม่เจ็บ ไม่ใช่ท้องเสีย ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้อะไรเลยทั้งสิ้น เพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏที่ไม่น่าพอใจ เพราะฉะนั้นแล้วถ้ากล่าวโดยนัยของเวทนาที่เกิดร่วมด้วย เวทนาที่เกิดกับจักขุวิญญาณเป็นอุเบกขาเวทนา อทุกขมสุข เพียงแค่เห็นสั้นมาก น้อยมาก แค่กระทบปัญจทวาราวัชชนจิต วิถีจิตแรกดับ จิตนี้เกิดขึ้นเห็นแล้วก็ดับไปเป็นผลของกรรม
ที่มา ...