ความเห็นผิดไม่ได้มีแต่ในลัทธิอื่น แม้แต่ในผู้นับถือพระพุทธศาสนาก็มี


    เพราะฉะนั้นความเห็นผิด ไม่ใช่มีแต่ในลัทธิอื่นนะคะ แม้แต่ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา ท่านผู้ฟังเองย่อมทราบว่า มีการศึกษาและมีการประพฤติปฏิบัติต่าง ๆ กัน ซึ่งไม่ใช่ของใหม่ แม้ในครั้งหลังจากการสังคายนาครั้งที่ ๒ ภิกษุชาววัชชีผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุให้กระทำสังคายนาครั้งที่ ๒ ก็ได้ตั้งนิกายต่าง ๆ ตามความเห็นของตน เช่น ข้อหนึ่งที่ว่า ผู้ใดก็ตามที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ต้องเปล่งวาจาว่า “ทุกข์หนอ ทุกข์หนอ”

    เพราะฉะนั้นไม่ใช่มีแต่สมัยนี้นะคะ ที่จะมีการเข้าใจข้อประพฤติปฏิบัติผิดพลาดคลาดเคลื่อน มีมาแต่ในครั้งนั้น เพราะฉะนั้นในสมัยนี้ ๒,๕๐๐ กว่าปี ก็เป็นเรื่องที่ทุกท่านจะพิจารณา แล้วเป็นผู้ที่ศึกษาโดยละเอียด เพื่อที่จะให้รู้ว่า การที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมสำหรับบุคคลที่ไม่ใช่อุคฆฏิตัญญูบุคคล หรือวิปัญจิตัญญูบุคคล คือ ไม่ใช่บุคคลที่จะรู้เร็ว แต่ว่าบุคคลในสมัยนี้ ถ้าจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ ต้องเป็นเนยยบุคคลแน่นอน และถ้าไม่สามารถจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ แม้ว่าจะฟังมาก อ่านมาก สนทนามาก กล่าวธรรมมาก ก็เป็นปทปรมบุคคล

    แต่ว่าพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ๔๕ พรรษา เพื่อทรงอนุเคราะห์ผู้ที่เป็นเนยยบุคคลและปทปรมะ เพราะฉะนั้นต้องศึกษาเพื่อที่จะได้รู้จริง ๆ ว่า การรู้แจ้งอริยสัจธรรมนั้นคือรู้อะไร และหนทางที่จะรู้การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ได้จริง ต้องอบรมเจริญอย่างไร

    เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ทุกท่านจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษา พร้อมกันนั้นก็เข้าใจว่า ประโยชน์ของการศึกษา เพื่อเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ทรงแสดงโดยละเอียด แม้แต่ลักษณะของจิตที่ได้กล่าวถึงแล้ว และวิบากจิตซึ่งกำลังเห็น ก็เป็นสติปัฏฐาน เป็นสภาพธรรมที่สามารถที่จะประจักษ์แจ้งในความเป็นอนัตตา ในสภาพที่เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล และกำลังเกิดดับ แต่ว่าต้องฟังให้ละเอียด และต้องพิจารณาโดยละเอียด เพื่อที่การระลึกจะได้ระลึกรู้ได้ตรง ถูกต้อง โดยละเอียด

    ยังมีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมคะในเรื่องของวิบากจิต


    หมายเลข 7090
    23 ส.ค. 2558