เหตุใดจึงทรงแสดงแยกรูปธรรม กับ นามธรรมที่เป็นวิบาก ไว้โดยละเอียด
ท่านผู้ฟังคงจะสงสัยว่า ทำไมทรงแสดงแยกไว้โดยละเอียด เพราะเหตุว่าแม้รูปก็เกิดขึ้นเพราะกรรม แม้วิบากจิตและเจตสิกก็เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย แต่ทำไมต้องแยกว่า รูปไม่ใช่วิบาก ที่เป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะเหตุว่า เพื่อที่จะทรงแสดงให้เห็นความต่างกันอย่างชัดเจนของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมว่า สภาพธรรมที่เป็นนามธรรมไม่ใช่รูปธรรม และสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรมไม่ใช่นามธรรม จนกว่าจะเป็นความรู้ชัด จนกว่าจะประจักษ์ลักษณะของนามธรรมซึ่งไม่ใช่รูปธรรม และประจักษ์ในลักษณะของรูปธรรมซึ่งไม่ใช่นามธรรม จึงจะหมดความสงสัยและการยึดถือสภาพธรรมซึ่งไม่ปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนได้ เพราะเหตุว่าเวลานี้ยังไม่ประจักษ์ชัดในลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรม อาจจะเป็นความเข้าใจ เพราะว่าได้ฟังเรื่องของนามธรรมและรูปธรรมมากพอสมควร แต่ว่ายังไม่ได้ประจักษ์แจ้งในลักษณะที่ต่างกันจริง ๆ ของนามธรรมและรูปธรรม
เพราะฉะนั้นก็ได้ทรงแสดงไว้ทุกประการ เพื่อที่จะอนุเคราะห์เกื้อกูลให้อบรมเจริญปัญญา จนกว่าสามารถที่จะประจักษ์ในลักษณะของนามธรรมซึ่งไม่ใช่รูปธรรม และในลักษณะของรูปธรรม ซึ่งไม่ใช่นามธรรม ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
ไม่ใช่ทรงแสดงโดยไม่ให้ประพฤติปฏิบัติตาม แต่ว่าทรงแสดงเพื่อทรงอนุเคราะห์เกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏในขณะที่กำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น กำลังลิ้มรส กำลังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เป็นต้น เช่น ในขณะนี้และเดี๋ยวนี้
นี่คือการจะเข้าใจลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นทางตาที่กำลังเห็น และกำลังฟังเรื่องของนามธรรมและรูปธรรม