รูปเกิดพร้อมกับรูป แต่ไม่เกี่ยวข้องกัน รูปจึงไม่เป็นสัมปยุตธรรม
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ มหาภูตรูป ๔ ไม่ได้แยกกันเลย แล้วแต่ว่าขณะนั้นน้อมรู้ลักษณะของรูปใด ถ้ารู้ลักษณะที่อ่อนหรือแข็ง ขณะนั้นก็เป็นกายวิญญาณที่มีปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ถ้ารู้ลักษณะที่เย็นและร้อน ขณะนั้นก็มีเตโชธาตุเป็นอารมณ์ ขณะที่รู้ลักษณะที่ตึงหรือไหว ขณะนั้นก็มีวาโยธาตุเป็นอารมณ์
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ แม้ว่าจะเกิดร่วมกัน ที่จะต้องเข้าใจในวันนี้ ก็คือว่า ถึงแม้ว่ารูปจะเกิดร่วมกันก็จริง และดับร่วมกันพร้อมกันก็จริง แต่รูปทั้งหมดไม่ใช่สัมปยุตตธรรม เพราะเหตุว่าไม่ใช่สภาพธรรมซึ่งรู้อารมณ์ และก็ไม่ใช่สภาพธรรมที่ละเอียดและเกี่ยวข้องกัน เช่น เวลาที่ผัสสะกระทบกับรูปารมณ์ จิตเกิดขึ้นเห็นรูปารมณ์ ผัสสะในขณะที่จิตเกิดขึ้นเห็นนั้นเอง กระทบรูปารมณ์ เวทนาที่เกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณที่เห็นรูปารมณ์นั้นเอง เป็นอุเบกขาเวทนา
เพราะฉะนั้นก็เกี่ยวข้องกันทั้งผัสสะ ทั้งเวทนา ทั้งจิต และทั้งสัญญา ซึ่งจำหรือหมายรู้อารมณ์ที่ปรากฏทางตา เพราะฉะนั้นจึงเป็นสัมปยุตตธรรม เพราะว่าเกี่ยวข้องจริงๆ สัมปยุตต์จริงๆ รู้อารมณ์เดียวกันจริงๆ ไม่เพียงแต่เกิดพร้อมกันและดับพร้อมกันเท่านั้น เพราะเหตุว่ารูปก็เกิดพร้อมกันและดับพร้อมกัน แต่รูปไม่ใช่สัมปยุตตธรรม เพราะเหตุว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่สัมปยุตต์กัน ไม่รู้อารมณ์