วิคตปัจจัย
สำหรับ “วิคตปัจจัย” ก็คือจิตนั่นเอง แต่มีอรรถว่า ธรรมที่อุปการะโดยความเป็นผู้ปราศไป ไม่ใช่ไม่มีเลย
สำหรับนัตถิปัจจัยคือ ความไม่มีนั่นแหละเป็นปัจจัยให้เกิดมีขึ้น แต่ความไม่มีนั้น ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่มีโดยเป็นวิคตปัจจัย เพราะโดยความเป็นผู้ปราศไป ไม่ใช่ไม่มีโดยการไม่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่มี เพราะเกิดแล้วปราศไป
เพราะฉะนั้นขณะที่ไม่มี เป็นปัจจัยหนึ่ง คือ นัตถิปัจจัย ขณะที่ปราศไป เป็นวิคตปัจจัย
เพราะฉะนั้นก็คล้ายคลึงกัน และสำหรับรูปธรรมไม่ใช่นัตถิปัจจัยและวิคตปัจจัย เพราะเหตุว่ารูปธรรมทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะสมุฏฐานหนึ่งสมุฏฐานใดใน ๔ สมุฏฐาน คือ เพราะกรรมเป็นสมุฏฐานพวกหนึ่ง กลุ่มหนึ่ง เพราะจิตเป็นสมุฏฐาน ประเภทหนึ่งเพราะอุตุเป็นสมุฏฐานอีกประเภทหนึ่ง เพราะอาหารเป็นสมุฏฐานก็ประเภทหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อรูปธรรมรูปหนึ่งรูปใดดับไป แล้วจะเป็นปัจจัยโดยให้รูปธรรมอื่นเกิดต่อ โดยอนันตรปัจจัย หรือสมันตรปัจจัย หรือนัตถิปัจจัย หรือวิคตปัจจัยไม่ได้
นี่เป็นความต่างกันของนามธรรมและรูปธรรม
ผู้ฟัง ฟังๆ ดูแล้ว ๒ ปัจจัยนี้ไม่มีอะไรต่างกัน นัตถิปัจจัยกับวิคตปัจจัย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคนธรรมดา ก็จะแสดงปัจจัยเดียว แต่เมื่อเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า นัตถิปัจจัยคือ ความไม่มีนั่นแหละเป็นปัจจัยให้เกิดมีขึ้น ส่วนวิคตปัจจัย ความเป็นผู้ปราศไป ไม่ใช่ไม่มีเลย แต่มีแล้วปราศไป หมดไป ต้องในขณะนั้น