ผู้ที่ศึกษาธรรมไม่ละเอียด จะเข้าใจผิด
ผู้ฟัง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม มันก็จบกันแค่นี้ แต่ผู้ที่ปฏิบัติธรรม แต่ไม่รู้ลักษณะของสติ ทีนี้ผู้ที่หวังดี ถ้าไม่มีจิตวิทยาไปบอกว่า คุณนี้ยังไม่รู้จักลักษณะของสติ ก็จะไปทำให้ผู้นั้นโกรธอีกเหมือนกัน เขาเพียงรู้จักชื่อว่าสติ สติเป็นชื่อ ทีนี้ลักษณะของสติก็มีลักษณะของมัน ทีนี้ถ้าพูดถึงลักษณะเขาก็ว่าเขารู้อีก สติก็แปลว่า ระลึกรู้ เขาก็อ้างว่า เขารู้อีก ก็เป็นชื่ออีกล่ะครับ เป็นกิจ ไม่ใช่เป็นชื่อ เป็นกิจของสติ ระลึกรู้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ศึกษาธรรมแล้วไม่ละเอียด จะเข้าใจผิด ที่พระผู้มีพระภาคทรงอุปมาว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว มันก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ ส่วนใหญ่ผมไปถามว่า คุณรู้จักลักษณะของสติหรือเปล่า บางคนเขาก็ว่า ขณะนี้กำลังฟังธรรม ขณะนี้เรากำลังเรียนธรรม คิดว่าขณะนี้มีสติ อย่างนี้ล่ะครับ ส่วนใหญ่ก็ตอบโดยเดา ๆ แสดงว่าไม่รู้ลักษณะของสตินั่นเองครับ
ท่านอาจารย์ ก็มีสติหลายขั้นนะคะ สติที่เกิดกับกุศลจิต ที่เป็นไปในทาน ศีล เป็นไปในสมถะ คือ ความสงบของจิต เป็นไปในการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ที่เป็นสติปัฏฐาน แต่ว่าที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมจริง ๆ ต้องเป็นขั้นสติปัฏฐาน ถ้ามิฉะนั้นจะหลงทาง การปฏิบัติจะผิดจะคลาดเคลื่อน เพราะเหตุว่าแท้ที่จริงแล้ว ไม่ใช่กุศล ไม่สงบ ก็เข้าใจว่าเป็นสมถภาวนา หรือว่าเป็นวิปัสสนาภาวนา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นอกุศล เป็นมิจฉามรรค ไม่ใช่สัมมามรรค
เพราะฉะนั้นจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะรู้ว่า จิตดวงใดเป็นชาติอะไร เพื่อไม่สับสนที่สติจะระลึกรู้ได้ถูกต้องตามความเป็นจริง
มีข้อสงสัยไหมคะ ในเรื่องชาติทั้ง ๔ อย่าลืมนะคะไม่ว่าจะเป็นจิตดวงใดต้องทราบว่า เป็นอกุศล หรือเป็นกุศล หรือเป็นวิบาก หรือเป็นกิริยา