เข้าใจประเภทก่อน เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่รู้ยาก
ผู้ฟัง อาจารย์ยังไม่ได้พูดถึงกุศลจิตมีเท่าไร อกุศลจิตมีเท่าไร วิบากจิตและกิริยาจิตมีเท่าไร อาจารย์ก็ยังไม่ได้บอก
ท่านอาจารย์ ขอให้เข้าใจประเภทไว้ก่อนแล้วเข้าใจด้วยว่า เป็นสิ่งที่รู้ยาก ถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของจิตจริง ๆ โดยมากมักจะถามกันว่า ทำอย่างนี้เป็นกุศลหรืออกุศล คิดอย่างนี้เป็นกุศลหรืออกุศล จะรู้ได้อย่างไรคะ จิตเกิดไปแล้วดับไปแล้ว แล้วกุศลจิตและอกุศลจิตก็เกิดดับสลับกันรวดเร็วมาก และถ้าไม่ศึกษาโดยเหตุโดยผลจริง ๆ ย่อมจะถือกุศลเป็นอกุศลก็ได้ หรือย่อมจะถืออกุศลเป็นกุศลก็ได้ ซึ่งผู้ที่ศึกษาธรรมต้องเป็นผู้ที่ละเอียด เป็นผู้ที่ไม่ประมาท เพราะเหตุว่าถ้าประมาทแล้วจะเข้าใจสภาพธรรมผิด ซึ่งจะนำไปสู่การประพฤติปฏิบัติที่ผิด แล้วจะทำให้เข้าใจว่าพ้น คือว่าหลุดพ้นจากกิเลส แล้วแต่ว่าผิดเป็นมิจฉาวิมุติ มิจฉาญาณ เพราะเหตุว่าไม่สามารถทำให้ดับกิเลสได้จริง ๆ นี่เป็นเรื่องที่ละเอียดจริง ๆ ค่ะ
เพราะฉะนั้นเรื่องของกุศลและอกุศลเป็นเรื่องที่สำคัญนะคะ สำคัญถึงแค่ไหน สำคัญถึงขั้นที่ควรจะประกอบด้วยสติสัมปชัญญะที่จะรู้ลักษณะของจิตที่เป็นกุศลว่า ต่างกับจิตที่เป็นอกุศล ถ้ามิฉะนั้นแล้ว อาจจะเข้าใจว่า เป็นกุศล ซึ่งความจริงไม่ใช่กุศล
เพราะฉะนั้นแทนที่จะอบรมเจริญปัญญาที่จะละอกุศล ก็กลับจะเพิ่มอกุศล เพราะเหตุว่าขณะนั้นเป็นอกุศล ไม่ใช่เป็นกุศล เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพียงแต่จะรู้ชื่อว่า มีกี่ดวง หรือกี่ประเภท อย่างไร แต่ควรที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ กำลังเกิดขึ้นพร้อมสติสัมปชัญญะ