อยากจะเกิดในสวรรค์ พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะหรือไม่
บางท่านก็บอกว่าอยากจะทำบุญ แล้วไปเกิดในสวรรค์ อยากจะเกิดในสวรรค์ พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ไหมคะ ไม่มีวันจะพ้นนะคะ เพราะเหตุว่าอารมณ์นั้นประณีตยิ่งกว่าในมนุษย์
เพราะฉะนั้นความติดความพอใจ ถึงจะเกิดในสวรรค์ชั้นหนึ่งชั้นใดก็ตาม เต็มไปด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าติด น่าใคร่ น่าพอใจ เพราะเหตุว่าประณีตยิ่งขึ้น จึงทำให้มีความพอใจใคร่ที่จะเกิดในสวรรค์ชั้นสูงขึ้น
บางท่านก็ยังชอบอารมณ์ที่ดีในโลกมนุษย์ ก็อาจจะยังไม่ต้องการสวรรค์ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเกิดในโลกมนุษย์ หรือในสวรรค์ก็ตาม เป็นจิตระดับขั้นกาม คือ ไม่พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นวันไหน ขณะไหน ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย ถ้าจิตขณะนั้นไม่สงบถึงขั้นอัปปนาสมาธิที่เป็นฌานจิต ที่มีรูปเป็นอารมณ์ ก็ย่อมจะเป็นกามาวจรจิตตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส การคิดนึก ให้ทราบได้ว่า แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเลย แต่เป็นจิตขั้นกาม ระดับของกาม ซึ่งมีความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ซึ่งยากที่จะละ ต้องรู้ตัวเองตามความเป็นจริงนะคะ อย่าคิดว่าจะละง่าย ๆ บางท่านอาจจะคิดว่า ไม่ยากเลยที่จะละความพอใจในรูปที่ปรากฏทางตา ในเสียงที่ปรากฏทางหู ในกลิ่นที่ปรากฏทางจมูก ในรสที่ปรากฏทางทางลิ้นในเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ที่กระทบสัมผัสกาย แต่ให้ทราบว่า ที่ท่านเกิดมาก็เป็นเพราะกามาวจรจิต ทำให้ปฏิสนธิในกามาวจรภูมิ ยังไม่พ้นไปจากกาม แล้วก็พ้นยากด้วย ซึ่งถ้าไม่ใช่การดับกิเลส ด้วยการบรรลุคุณธรรมถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล จะไม่สามารถที่จะดับความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะได้
ถึงแม้ว่าจะอบรมเจริญความสงบถึงขั้นฌานจิต ซึ่งเป็นอรูปฌาน ไม่ว่าจะเป็นปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ปัญจมฌาน แล้วก็เกิดถึงในพรหมโลก ก็อย่าคิดว่าจะละความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะได้เป็นสมุจเฉท เพราะเมื่อยังไม่ใช่พระอนาคามีบุคคล ยังต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก คือ ความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
เพราะฉะนั้นเรื่องของกิเลสเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ เป็นเรื่องที่ละเอียด เป็นเรื่องที่จะต้องเข้าใจสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง จึงจะสามารถอบรมเจริญปัญญาที่จะดับกิเลสได้จริง ๆ เป็นสมุจเฉท