กุศลที่เกิดสลับกับความยินดีพอใจ จะมีความหมายว่าอย่างไร
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ สภาพธรรมใดก็ตามที่เกิดขึ้นปรากฏ สภาพธรรมนั้นเป็นที่ตั้งของความพอใจ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ยังไม่ถึงค่ะ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ท่านผู้ฟังอย่าเพิ่งใจร้อน อย่าเพิ่งปล่อยวางอะไรค่ะ แต่จะต้องรู้ลักษณะสภาพของจิตใจของท่านโดยแท้จริง ตามความเป็นจริง ตามลำดับขั้น เพราะเหตุว่าทุกท่านมีจิตจริง แต่ว่ารู้จิตใจของท่านจริงหรือเปล่า เข้าใจจิตใจ หรือความล้ำลึกของจิตใจของท่านเองจริง ๆ หรือเปล่า
นี่เป็นสิ่งที่จะต้องรู้ก่อนค่ะ มิฉะนั้นแล้วก็ไม่มีทางที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของนิพพาน
เพราะฉะนั้นก่อนอื่นบางท่านอาจจะไม่เคยคิดเลยว่า ท่านเป็นผู้ที่ยังติดยังข้องอยู่ในโลกนี้ ในวัตถุต่าง ๆ ที่ปรากฏในโลกนี้ บางท่านจะรู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกเฉย ๆ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ต้องการอะไร ทำให้เข้าใจว่า ตัวเองหมดความยินดีพอใจในสิ่งต่าง ๆ แล้ว แต่ว่าจะต้องรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงโดยละเอียดทีเดียวว่าไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นปรากฏให้รู้ จะเป็นทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจก็ตาม เป็นที่ตั้งของความต้องการ เป็นที่ตั้งของความยินดี เป็นที่ตั้งของความพอใจ อาจจะโดยไม่รู้ตัวเลย
มีสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นประจำ สำหรับผู้ที่มีจักขุปสาท เวลาที่ลืมตาขึ้น เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ยินดีพอใจที่จะเห็นสิ่งนั้นเป็นคน หรือว่าพอใจมีฉันทะที่จะรู้ความจริงว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น
เห็นไหมคะ ลืมตาขึ้นมา มีสิ่งที่ปรากฏทางตา มีความยินดีพอใจที่จะเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เป็นวัตถุสิ่งต่าง ๆ หรือว่ามีฉันทะที่จะรู้ความจริงว่า เป็นสิ่งที่ปรากฏชั่วขณะที่กระทบตาเท่านั้น เห็นความติดทันทีในสิ่งที่ปรากฏทางตาหรือยัง
ไม่ใช่แต่เฉพาะตัวเองนะคะ เป็นคนที่เกิดมามีรูปร่างลักษณะอย่างนี้ คนอื่นอีกทั้งนั้นที่ปรากฏทางตา นั่นเป็นความพอใจแล้วที่จะเห็นสิ่งที่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นวัตถุสิ่งต่าง ๆ
เพราะฉะนั้นจะพ้นไปจากความยินดีพอใจในสิ่งใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นปรากฏให้จิตรู้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจได้หรือยัง ละหรือยัง หน่ายหรือยัง ถ้าปัญญาไม่เกิดรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง อย่าคิดว่าใครสามารถที่จะดับความยินดีพอใจในสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจได้