ผูกอยู่ในภพทุกคนทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ผู้ฟัง ที่อาจารย์บรรยายถึงเครื่องผูกที่ผูกสัตว์ไว้ในภพในภูมิ ผมเองก็เคยสังเกตว่า บางอาชีพที่เราคิดว่ามีเกียรติเหลือเกิน เราอยากจะเป็นเหลือเกิน เราอยากจะได้อาชีพนั้น เช่นทำงานธนาคาร บางครั้งผมสังเกตว่า พนักงานธนาคารเหล่านี้ก็เหมือนคนติดคุกอย่างหนึ่ง เป็นอาชีพที่ไม่สามารถจะปลีกตัวไปไหนไม่ได้ เป็นอาชีพที่รัดตัวมาก จะไปไหนก็ต้องขออนุญาตผู้จัดการ วันเสาร์อาทิตย์จะต้องปิดบัญชี อยู่จนดึก ไม่มีอิสรเสรีเลยนะครับ ถ้านึกให้ดี ๆ แม้แต่ว่าอาชีพที่ดี ๆ อย่างนี้ ก็เหมือนกับเป็นตะรางชนิดหนึ่ง แต่ว่าเป็นตะรางที่ละเอียดอ่อน หรือในระดับสูง ซึ่งถ้าเราไม่สังเกตจะมองไม่เห็น อันนี้จะเป็นเครื่องผูกอยู่หรือเปล่าไม่ทราบ
ท่านอาจารย์ ค่ะ ผูกอยู่ในภพทุกคน ไม่ใช่แต่เฉพาะเจ้าหน้าที่ในธนาคาร เวลานี้ทุกคนก็กำลังถูกผูกแล้ว ทางตาก็ถูกผูกไว้กับสิ่งที่ปรากฏ เวลาที่มีความยินดีพอใจ ทางหูก็ถูกผูกไว้กับเสียง เพราะฉะนั้นทุกท่านถูกผูกไว้ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางใจ ในกามภูมิ
เพราะฉะนั้นจึงไม่เกิดในรูปภูมิ หรืออรูปภูมิ หรือถ้าจะเกิดในรูปภูมิ ก็อย่าคิดว่า ไม่ได้ถูกผูกยังคงถูกผูกแต่ว่าถูกผูกในรูปภูมิ และถ้ายังไม่เป็นพระอนาคามีบุคคล แท้ที่จริงแล้วถูกผูกไว้ในกามภูมิ เพราะเหตุว่ายังไม่ได้ดับสังโยชน์ ซึ่งยังคงถูกผูกไว้กับกาม เพียงแต่ว่ากิเลสเหล่านั้นถูกข่มไว้ด้วยกำลังของสมาธิ ความสงบที่มั่นคง จึงสามารถทำให้เกิดในภูมินั้น แต่สังโยชน์ที่ผูกไว้ในกามภูมิไม่ได้ถูกตัด
เพราะฉะนั้นถึงจะเกิดในรูปพรหมภูมิ เชือกยาวมากค่ะ คือ ปล่อยไปจนถึงรูปพรหมก็จริง แต่ว่าดึงกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก คือ ต้องเกิดในกามภูมิอีก จนกว่าจะเป็นพระอนาคามีบุคคล
เพราะฉะนั้นถูกผูกไว้แน่นเวลานี้ ไม่ได้เคยคิดจะตัด หรือที่จะคลายสิ่งที่ผูกมัดอย่างเหนียวแน่นนี้เลย ถ้าไม่ใช่ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาจริง ๆ
อาชีพแต่ละอาชีพทำให้ดูเหมือนกับถูกผูก ขาดอิสรเสรีใช่ไหมคะ แต่แท้ที่จริงแล้วทุกคนนี้ถูกผูกทั้งนั้น ในขณะที่มีความยินดีพอใจทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
ยังมีข้อสงสัยอะไรไหมคะ