กามาวจรกุศล หรืออีกชื่อหนึ่งคือมหากุศล
ในขณะนี้ กิริยาจิตเป็นวิถีจิตแรกก่อนที่จะเห็น ขณะเห็นเป็นวิบากจิต ดับไปแล้ว สัมปฏิจฉันนะเกิดต่อเป็นวิบากจิต ดับไปแล้ว สันตีรณะเกิดต่อ เป็นวิบากจิต ดับไปแล้ว โวฏฐัพพนจิตหรือมโนทวาราวัชชนจิตทำโวฏฐัพพนกิจทางปัญจทวารเกิดต่อ เป็นกิริยาจิต ดับไปแล้ว เพราะฉะนั้นขณะที่กำลังฟังแล้วเข้าใจ ขณะที่เข้าใจไม่ใช่ตัวตนเลย เป็นกามาวจรกุศลจิต หรือจะใช้คำว่า “มหากุศล” ในบางครั้ง เพราะเหตุว่าเป็นกุศลที่มีอารมณ์ทางตาก็ได้ ทางหูก็ได้ ทางจมูกก็ได้ ทางลิ้นก็ได้ ทางกายก็ได้ ซึ่งกุศลอื่นจะมีอารมณ์มากมายอย่างกามาวจรกุศลไม่ได้ เพราะเหตุว่ารูปาวจรกุศลจิต ไม่ใช่ในขณะที่เห็น หรือขณะที่ได้ยิน ขณะที่ได้กลิ่น ขณะที่ลิ้มรส ขณะที่กระทบสัมผัส รูปาวจรกุศลจิตเป็นกุศลจิตที่เกิดทางมโนทวาร ขณะนั้นไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แต่มีจิตสงบแนบแน่นที่อารมณ์ ซึ่งทำให้จิตสงบขึ้น ๆ ๆ จนถึงขั้นอัปปนาสมาธิ
เพราะฉะนั้นสำหรับรูปาวจรกุศลจิตไม่ได้มีอารมณ์กว้างขวางที่จะเป็นไปได้ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เหมือนกับกามาวจรกุศล เพราะฉะนั้นกามาวจรกุศลจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “มหากุศล” ซึ่งนอกจากจะเป็นไปกับอารมณ์ที่ปรากฏทางตาก็ได้ ทางหูก็ได้ ทางจมูกก็ได้ ทางลิ้นก็ได้ ทางกายก็ได้ ทางใจก็ได้แล้ว ยังสามารถที่จะเป็นไปในขั้นของทานก็ได้ ในขั้นของศีลก็ได้ ในขั้นของสมถภาวนาก็ได้ ในขั้นของวิปัสสนาภาวนาก็ได้
ด้วยเหตุนี้อีกชื่อหนึ่งของกามาวจรกุศลจึงเป็น “มหากุศล”