จิตวิจิตรต่างกัน ภูมิที่เกิดก็ต้องต่างกัน
เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้นะคะ ในเมื่อจิตต่างกันไปเป็นประเภท ๆ และมีความวิจิตรต่างกันมากเหลือเกิน เพราะฉะนั้นภูมิซึ่งเป็นที่เกิดของจิตก็จะต้องต่างกันไป ไม่ใช่มีแต่มนุษย์ภูมิโลกนี้โลกเดียว เพราะเหตุว่าถึงแม้ว่าจะเป็นกามาวจรกุศล กำลังของศรัทธาหรือว่ากำลังของปัญญา หรือว่าสัมปยุตตธรรมที่เกิดร่วมด้วยในขณะนั้นก็วิจิตรต่างกันมาก จำแนกให้ผลที่ได้รับคือการเกิดย่อมเกิดในสุคติภูมิต่าง ๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะในมนุษย์ภูมิเท่านั้นหรือสำหรับอกุศลกรรมก็เหมือนกัน เวลาที่มีการกระทำอกุศลกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้น ถ้าท่านผู้ฟังจะสังเกต ก็จะทราบถึงความต่างกันของอกุศลกรรมแต่ละอกุศลกรรมนั้นว่า หนักเบาด้วยอกุศลเพียงไร บางครั้งก็ประกอบด้วยความพยาบาทมาก หรือบางครั้งก็ไม่ได้ประกอบด้วยความพยาบาทอย่างรุนแรง หรือบางครั้งก็ขาดความเพียร ไม่ได้มีวิริยะอุตสาหะที่จะไปทำร้ายเบียดเบียน แต่ก็บังเอิญมีการกระทำซึ่งประกอบด้วยเจตนาเพียงเล็กน้อย แล้วก็สัตว์เล็ก ๆ นั้นก็ตายลง เพราะฉะนั้นแต่ละกรรมที่ได้กระทำนี้ ก็ย่อมประกอบด้วยสัมปยุตตธรรม คือ เจตสิกต่าง ๆ เพราะฉะนั้นอกุศลกรรมก็จำแนกออกไป ทำให้เกิดในอบายภูมิต่าง ๆ ซึ่งเป็นอบายภูมิ ๔
เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า เมื่อจิตเป็นสภาพธรรมซึ่งเป็นเหตุที่จะให้เกิดผลวิจิตรต่าง ๆ กันทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม ภูมิซึ่งเป็นที่เกิดที่เหมาะที่ควรแก่กรรมนั้น ๆ ก็ย่อมต้องมีมาก ไม่ใช่มีแต่เฉพาะในมนุษย์ภูมิแห่งเดียวเท่านั้น