ขณะนี้เวทนาเป็นอะไร ส่วนมากเป็นเวทนาอะไร
ขณะนี้ เวทนาเป็นอะไรคะ?เป็นอุเบกขา ส่วนมากในวันหนึ่งๆ เวทนาเป็นอะไร เวทนาไม่ใช่ความรู้สึกสงสารเวทนา แต่ “เวทนา” หมายถึงสภาพธรรมที่รู้สึกในอารมณ์ที่กำลังปรากฏ
เพราะฉะนั้นในวันหนึ่งๆ สภาพธรรมทั้งหลายเป็นลักษณะที่มีจริง เป็นจริง ตามสภาพธรรมนั้นๆ เพราะฉะนั้นในวันหนึ่งๆ ท่านผู้ฟังจะสังเกตได้ไหมคะว่า ความรู้สึกเป็นอะไรคะ?
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นสำหรับเวทนาเจตสิก มี ๓ ประเภท ได้แก่ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อุเบกขาเวทนา ๑ หรืออีกนัยหนึ่ง เวทนา ๕ ได้แก่ ทุกขเวทนา ๑ สุขเวทนา ๑ โสมนัสเวทนา ๑ โทมนัสเวทนา ๑ และอุเบกขาเวทนา ๑
อุเบกขาเวทนานี้วันหนึ่งๆ เกิดมากกว่าเวทนาอื่น และโดยประเภทแล้ว จำนวนของจิตที่ประกอบด้วยอุเบกขาเวทนามากกว่าเวทนาอื่น
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ อุเบกขาเวทนาที่เกิดร่วมกับอกุศลจิต เวลาที่เป็นโลมูลจิตที่ยินดีพอใจเกิดขึ้น แต่ไม่มีความรู้สึกว่าดีใจ ขณะนั้นโลภมูลจิตนั้นประกอบด้วยอุเบกขาเวทนา ความรู้สึกเฉยๆ ซึ่งมีอยู่เป็นประจำจนไม่รู้สึก ไม่รู้สึกว่าเป็นโลภมูลจิต จึงไม่รู้ว่าเป็นอุเบกขา ความรู้สึกเฉยๆ ขณะนั้นเกิดแล้ว
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ โลภมูลจิตเป็นอกุศลจิต ซึ่งมีอยู่เป็นประจำ เวลาเห็นรู้สึกยังไงคะ ตามปกติ ดีใจตลอดทุกขณะที่เห็นตลอดไปตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ หรือยังไงคะ ซึ่งการเห็น ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา แล้วยังไม่หลับนอนจริงๆ การเห็นไม่ได้รู้สึกว่าดับไปเลย ใช่ไหมคะ เช่นในขณะนี้ พอตื่นขึ้นแล้วยังไม่หลับลงไป เวลาที่ลืมตาจะไม่รู้สึกเลยว่า ขณะจิตที่เห็นนี้ดับ เห็นแล้วก็ดับๆๆ
เพราะฉะนั้นเวลาที่เห็นนี้ไม่ได้รู้สึกดีใจ เป็นโสมนัส ทันทีที่เห็นไปทุกขณะ จนกระทั่งปรากฏว่า วันนี้ดีใจตลอดทั้งวัน ไม่ใช่อย่างนั้น
เพราะฉะนั้นเวลาที่เห็นให้ทราบว่า จักขุวิญญาณเกิดขึ้นเห็นในขณะใด ขณะนั้นประกอบด้วยอุเบกขาเวทนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะได้เข้าใจ และควรที่จะได้รู้ตามความเป็นจริง เพื่อที่จะได้เกื้อกูลกับการเจริญสติปัฏฐาน ให้รู้ว่า ขณะใดที่ระลึกถึงความรู้สึก ซึ่งวันหนึ่งๆนี้นะคะ ความรู้สึกเกิดอยู่เป็นประจำ แต่ว่าไม่ค่อยจะรู้สึก ไม่ได้ระลึกถึงความรู้สึก โดยเฉพาะเวลาที่ความรู้สึกนั้นเป็นอุเบกขาเวทนา เพราะเหตุว่าเห็นแล้วก็เฉยๆ ไม่ได้ระลึกถึงความรู้สึกเลย ใช่ไหมคะ เพราะว่าเฉยๆ จึงไม่ได้ระลึกถึงความรู้สึกเฉยๆ
เวลาที่ได้ยินก็ได้ยินบ่อย เวลาที่โสตวิญญาณเกิดขึ้นได้ยินเสียง ในขณะนั้นความรู้สึกที่เกิดกับโสตวิญญาณ จิตที่ได้ยินเสียง ก็เป็นความรู้สึกเฉยๆ คือ อุเบกขาเวทนา ไม่ปรากฏว่าเป็นโทมนัส หรือว่าโสมนัส หรือว่าตื่นเต้นดีใจ หรือว่าเสียใจ
เพราะฉะนั้นผู้ที่สติจะระลึกรู้ลักษณะของความรู้สึก ก็สามารถที่จะระลึกถึงในขณะที่เห็น แล้วก็รู้ว่า มีความรู้สึกเฉยๆ หรือว่าในขณะที่ได้ยินเสียง ก็มีความรู้สึกเฉยๆ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ขณะนั้นน่ะค่ะ คือชีวิตปกติประจำวัน
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ วันหนึ่งๆ ตั้งแต่ลืมตาจนกระทั่งหลับตา ดีใจกี่ครั้ง วันนี้ดีใจบ้างหรือยังคะ ลองคิดดูซิคะ เห็นนี้มากมายเหลือเกิน ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ ได้ยินก็มีมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แล้วในขณะที่ได้กลิ่นก็มี ในขณะที่ลิ้มรสก็มี ขณะนั้นมีความรู้สึกดีใจกี่ครั้ง วันนี้ดีใจแล้วหรือยัง หรือว่ายังเฉยๆ อยู่เรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นสภาพธรรมตามปกติอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ซึ่งถ้าไม่รู้ความจริงอย่างนี้ ไม่สามารถจะละความยึดถือว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เพราะแม้แต่ความรู้สึกมี ก็ไม่ได้ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่รู้สึกว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมชนิดหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป