กุศล - อกุศล - กิริยา ที่ชวนจิต


    หลังจากที่โวฏฐัพพนจิตแล้ว ตอนนี้เองสะสมอะไรมามาก สะสมโทสะมามาก อะไรเกิด โทสมูลจิตมีปัจจัยที่จะเกิดแล้ว ถ้าสะสมกุศลมากอะไรเกิด กุศล แล้วเป็นเราหรือไม่ ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นปัญญาจริงๆ ต้องเห็นกุศลธรรม และอกุศลธรรม นี่ขั้นฟังๆ ว่ากุศลเป็นธรรม อกุศลเป็นธรรม แต่ปัญญาต้องถึงอีกระดับหนึ่งคือรู้ความเป็นธรรมของกุศล และอกุศลนั้น มิฉะนั้นจะไม่เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงว่าทุกอย่างเป็นธรรม เพราะว่าลักษณะของสภาพธรรมนั้นจะเป็นของใคร หรือจะเป็นใครไม่ได้เลย แต่ก็เป็นสิ่งที่มีจริง

    เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก็รู้จักตัวเองขึ้น หลังเห็น กุศลหรืออกุศล หลังได้ยิน หลังได้กลิ่น หลังลิ้มรส หลังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ส่วนใหญ่เป็นอะไร อกุศล เพราะฉะนั้นเราดีหรือไม่ดีแค่ไหน ถ้าเราไม่รู้ว่าเราไม่ดีเราจะละไหม สำหรับคนที่สะสมอกุศลมามาก ทรงแสดงอกุศลธรรมให้รู้ความจริงว่าเป็นเราเองที่มี แล้วก็มีประเภทไหนนั้น คนอื่นไม่รู้ แต่เราสามารถที่จะรู้ได้ตามอัธยาศัยที่ได้สะสมมา แต่สิ่งที่สะสมมามาก ลึกซึ้งด้วย ถ้าชาตินี้ยังไม่มีปัจจัยที่จะให้อกุศลประเภทนั้นๆ เกิด อกุศลประเภทนั้นๆ ก็ยังไม่เกิด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี ยังสะสมสืบต่อเป็นอนุสัยสำหรับอกุศล ใช้คำว่า “อนุสัย” แต่ถ้าสำหรับทางกุศลก็เป็น "อาสยะ" หรือถ้าเป็นกุศลที่สามารถจะกระทำให้ถึงฝั่งได้ก็เป็น “บารมี”

    นี่ก็เป็นเรื่องที่เราจะได้เข้าใจสภาพธรรมว่าเป็นธรรมยิ่งขึ้นว่าจริงๆ แล้วจะไปอยากให้ไม่มีอกุศล จะทำได้อย่างไรเมื่อมีเหตุปัจจัยที่สะสมมา เกิดแล้วควรจะรู้ว่าเป็นธรรม แต่กลับมีความเป็นเราที่ไม่อยากจะมี และหาทางอื่นที่จะไม่มี ซึ่งไม่ใช่การรู้ลักษณะของสภาพธรรม นั่นก็เป็นสิ่งซึ่งไม่สามารถที่จะเป็นไปได้อย่างนั้นเลย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 90


    หมายเลข 7332
    22 ม.ค. 2567