วาระทางปัญจทวาร - ทวาระทางมโนทวาร


    ผู้ฟัง ทางปัญจทวาร แต่ละทวารก็เป็นวาระหนึ่งๆ

    ท่านอาจารย์ ที่รูปยังไม่ดับ ถ้ารูปดับหมดแล้ว เป็นภวังค์แล้ว เป็นวาระไม่ได้อีกแล้ว ต้องเป็นภวังคจิต

    ผู้ฟัง ถ้าสมมติว่าทางมโนทวารก็เรียกวาระเหมือนกัน

    ท่านอาจารย์ แน่นอน มโนทวารเริ่มจากมโนทวาราวัชชนจิต หลังจากภวังคจิต ภวังคุปัจเฉทะดับไปแล้ว แต่ก่อนนั้นก็ต้องเป็นภวังค์ ... ภวังค์ การที่จะเปลี่ยนอารมณ์จะเปลี่ยนทันทีไม่ได้ มีปัจจัยสมุฏฐานที่ทำให้ภวังค์ไหวที่จะเกิดเป็นวิถี ถ้าภวังค์ไม่ไหว วิถีจิตก็เกิดไม่ได้ ไหวที่นี่ไม่ใช่ลักษณะของรูป แต่ใกล้ต่อการที่จะไม่มีอารมณ์ของภวังค์ แต่ยังเป็นวิถีจิตทันทีไม่ได้ ก็เรียกจิตนั้นว่าภวังคจลนะ แสดงว่าใกล้แล้วที่วิถีจิตจะเกิด และเมื่อภวังคจลนะดับไปแล้ว ภวังคุปัจเฉทะเกิดต่อ ก็สิ้นสุดเลยเป็นภวังค์อีกต่อไปไม่ได้แล้วต้องเป็นวิถีจิต ถ้าเป็นทางมโนทวารวิถีจิตแรกคือมโนทวาราวัชชนจิต ไม่ใช่ปัญจทวาราวัชชนจิต เพราะเป็นจิตคนละประเภท จิตนั้นต้องอาศัยรูปกระทบปสาทะ แต่จิตนี้ไม่ต้องอาศัยรูปกระทบปสาทะเลย แต่มโนทวาราวัชชนจิตนึกถึง ตรึก หรือใช้คำว่า “รำพึงถึง” ในภาษาคำแปล แต่ว่าเราก็ไม่ต้องใช้คำนั้นก็ได้ เพราะว่าจะไปรำพึงก็ดูจะยาว ก็เพียงแค่ ๑ ขณะจิตที่นึกถึงอะไรก็ตาม วิถีจิตต่อไปจะต้องมีอารมณ์เดียวกับที่มโนทวารวิถีจิตมี

    เพราะฉะนั้นเมื่อมโนทวาราวัชชนจิตดับ วิถีจิตต่อไปเป็นกุศล และอกุศลทันที ไม่ต้องมีจักขุวิญญาณ ไม่ต้องมีสัมปฏิจฉันนะ ไม่มีสันตีรณะ ไม่มีโวฏฐัพพนะ เพราะว่าโวฏฐัพพนะจะเกิดทางปัญจทวาร แต่มโนทวาราวัชชนะทำอาวัชชนกิจทางมโนทวาร เพราะฉะนั้นวาระของทางมโนทวารก็มีวิถีจิต คือ มโนทวาราวัชชนจิต และกุศลจิต อกุศลจิต หรือกิริยาจิตอีก ๗ ขณะ แล้วแต่ว่าจะมีตทาลัมพนะหรือไม่มีตทาลัมพนะก็ตาม หลังจากนั้นแล้วภวังคจิตเกิดต่อ เป็นภวังค์เมื่อใดก็เท่ากับว่าหมดวาระของมโนทวารวิถี ฉะนั้นคำว่าวาระก็ใช้ได้ทั้ง ๖ ทวาร

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 90


    หมายเลข 7335
    22 ม.ค. 2567