โมหมูลจิต วิจิกิจฉาสัมปยุตต์ - โมหมูลจิต อุทธัจจสัมปยุตต์


    และที่เป็นโมหมูลจิต มี ๒ ดวง ต่างกันคือ ดวงหนึ่งเป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต์ เกิดพร้อมกับความสงสัยในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในอดีต ในขันธ์ ในธาตุ เป็นต้น

    สภาพของโมหะ คือ การไม่รู้ เป็นสภาพที่ไม่รู้ แม้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับอารมณ์ก็ไม่สามารถรู้ความจริงของอารมณ์ที่ปรากฏได้ เช่น ในขณะที่กำลังเห็นนี้ ขณะใดที่ไม่รู้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งมีจริง ที่กำลังปรากฏให้เห็น ไม่ใช่เสียงที่รู้ได้ทางหู ซึ่งเป็นสภาพธรรมอีกอย่างหนึ่ง แต่แม้ว่ากำลังเห็น โมหเจตสิกเป็นสภาพที่ไม่รู้ในอารมณ์ แม้ที่กำลังเผชิญหน้า เห็นลักษณะของโมหะ ไหมคะ?

    รูปารมณ์กำลังปรากฏ สภาพธรรมที่ปรากฏเป็นแต่เพียงสิ่งที่สามารถปรากฏทางตา แต่แม้อย่างนั้นโมหะไม่สามารถจะรู้ในลักษณะของรูปารมณ์ได้ ว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เพราะฉะนั้นสำหรับโมหมูลจิต ๒ ดวง ดวงหนึ่งเป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต์เมื่อไม่รู้ก็สงสัย ที่กำลังเห็นอยู่นี่ล่ะค่ะ สิ่งที่เห็นนี้เป็นอะไร เป็นคนหรือว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา

    ขณะใดที่สงสัย ขณะนั้นเป็นโมหมูลจิตที่เป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต์ แต่ไม่ใช่ว่า ความสงสัยจะเกิดอยู่ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเวลาที่โลภมูลจิตไม่เกิด โทสมูลจิตไม่เกิด แล้วจะเกิดความสงสัยอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงบางครั้งบางขณะเท่านั้นที่โมหมูลจิตเกิดพร้อมกับวิจิกิจฉา ความสงสัยในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสภาพธรรมที่ปรากฏ

    โดยปกติเวลาที่มีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แล้วหลงลืมสติ โมหมูลจิตอุทธัจจสัมปยุตต์ เพราะว่าขณะนั้นไม่ได้มีความสงสัยเกิดร่วมด้วย ไม่ได้มีโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วย หรือว่าไม่มีโทสมูลจิตเกิดร่วมด้วย

    เพราะฉะนั้นลักษณะของโมหมูลจิตดวงนั้นจึงเป็นอุทธัจจสัมปยุตต์ ที่จะให้รู้ว่า ขณะใดที่หลงลืมสติ ขณะนั้นไม่รู้ในสิ่งที่ปรากฏ และเมื่อขณะนั้นไม่ได้ประกอบด้วยโลภเจตสิก หรือโทสเจตสิก จึงเป็นโมหมูลจิตอุทธัจจสัมปยุตต์


    หมายเลข 7347
    20 ส.ค. 2558