รูปฌาน - อรูปฌาน - โลกุตตรจิต เป็นสสังขาร
ผู้ฟัง รูปาวจรกุศล อรูปาวจรกุศล และโลกุตตรกุศล อาจารย์กล่าวว่า เป็นสสังขาริก อาศัยอะไรชักชวนล่ะครับ
ท่านอาจารย์ มหากุศลต้องเกิดก่อนค่ะ จิตเหล่านั้นจึงจะเกิดได้ ต้องอาศัยการอบรมเจริญภาวนา ไม่ว่าจะโดยสมถภาวนา หรือวิปัสสนาภาวนาก็ตาม อยู่ดีๆ กำลังเห็นแล้วโลกุตตรจิตจะเกิดขึ้น เป็นสิ่งซึ่งเป็นไปไม่ได้ หรือว่าอยู่ดีๆ กำลังมีสีสันวรรณะต่างๆ ปรากฏ มีเสียงปรากฏ รูปฌานจิตจะเกิด หรืออรูปฌานจิตจะเกิด เหมือนอย่างโลภะ โทสะ โมหะ หรือว่ากามาวจรกุศล เป็นไปไม่ได้
ผู้ฟัง แล้วกามาวจรจิตจะไปชักชวนให้รูปฌานจิต และอรูปฌานจิตเกิด อย่างนั้นหรือ
ท่านอาจารย์ ในวิถีของรูปฌานจิต และอรูปฌานจิต และโลกุตตรจิต ในวิถีเดียวนั้นต้องมีกามาวจรกุศลจิตเกิดก่อน แล้วฌานจิตจึงจะเกิดได้ โลกุตตรจิตจึงจะเกิดได้
ผู้ฟัง ใช่ครับ ในมรรควิถี มีบริกรรม อุปจาร อนุโลม โคตรภู
ท่านอาจารย์ มีบริกรรม อุปจาร อนุโลม โคตรภู ไม่ว่าจะเป็นวิถีของรูปฌาน อรูปฌาน หรือโลกุตระ ต้องมีมหากุศลจิตเกิดก่อน
ผู้ฟัง แล้วบริกรรม อุปจาร ก็เป็นกามจิต เป็นจิตเกิดขึ้นมาชักชวนฌานจิต หรือโลกุตตรจิต อย่างนั้นหรือครับ
ท่านอาจารย์ เป็นเครื่องชักจูง แสดงให้เห็นว่า อยู่ดีๆ รูปฌานจิต อรูปฌานจิต โลกุตตรจิตจะเกิดเองไม่ได้ ต้องอาศัยการเจริญ การอบรมอย่างมากด้วย
เพราะฉะนั้น โดยความต่างกันที่เป็นอสังขาร และสสังขาร จึงมีเฉพาะในกามาวจรจิตเท่านั้นสำหรับรูปาวจรจิต อรูปาวจรจิต และโลกุตตรจิตทั้งหมดเป็นสสังขาร
เพราะฉะนั้นใครก็ตามไม่อบรมเจริญปัญญา แล้วก็หวังรอที่จะให้โลกุตตรจิตเกิด ก็ทราบได้ว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือว่าถ้าไม่รู้เรื่องของการอบรมเจริญสมถะ คือ ความสงบของจิต จนกระทั่งจิตค่อยๆ สงบขึ้นเป็นขั้นๆ จนกระทั่งถึงการประกอบด้วยความสงบที่ลักษณะของสมาธิปรากฏกับความสงบในขณะนั้นเป็นขั้นๆ รูปาจรจิต หรืออรูปาวจรจิต หรือโลกุตตรจิต จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการอบรมเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ก็ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ ฌานจิต และโลกุตตรจิตจะเกิดขึ้นได้