เข้าใจว่าเป็นจิตมีกำลังกล้าหรือเป็นจิตอ่อนกำลัง ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล
ความสำคัญ ไม่ใช่คอยดูว่า อะไรชวน ใครชวน หรือใครไม่ชวน แต่ให้ระลึกรู้ลักษณะสภาพของจิตในขณะนั้นว่า เป็นจิตที่มีกำลังกล้าหรืออ่อนกำลัง ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
ต่อไปจะได้ทราบว่า ในกามาวจรจิตประเภทไหนบ้างที่เป็นจิตที่เป็นอสังขาริกกี่ดวง สสังขาริกกี่ดวง ซึ่งเป็นได้ทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล ซึ่งสามารถที่จะพิจารณาสังเกตรู้ได้ในชีวิตประจำวัน
แต่ว่าเรื่องความละเอียดปลีกย่อยของแต่ละบุคคล ทุกท่านก็จะทราบได้เอง อย่างบางท่านก็จะทราบได้ที่จะมาฟังธรรม ต้องอาศัยใครชักชวนหรือเปล่า ใช่ไหมคะ ตอนแรกอาจจะมีผู้ชักชวน ตอนแรกอาจจะไม่อยากมาเอง แต่ถูกชักชวนมา จึงมา แต่ว่าตอนหลังมาเอง เพราะฉะนั้นลักษณะของจิตก็ต่างกัน ไม่ใช่ว่าจะมีแต่สสังขาริกตลอดไป หรือว่าอสังขาริกตลอดไป อย่างท่านที่ถูกชวนไปดูหนัง ตอนถูกชวนไปก็เป็นจิตที่มีกำลังอ่อน แต่ถ้าหนังสนุกตื่นเต้น หัวเราะสนุกสนาน ในขณะนั้นไม่ใช่จิตที่มีกำลังอ่อนแล้ว ใช่ไหม ไม่ต้องมีใครมาชวนให้หัวเราะ ไม่ต้องมีใครมาชวนให้สนุก แต่ในขณะนั้นเอง จิตก็เกิดความรู้สึกสนุก หรือว่าหัวเราะเกิดขึ้น ขณะนั้นก็ด้วยตนเอง ก็เป็นอสังขาริก ก็แสดงให้เห็นว่า จิตทั้งหลายไม่เที่ยง แม้ว่าจะเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นอย่างนี้ ครั้งต่อไปก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ตามเหตุตามปัจจัยได้