เวลาที่ระลึกต้องรู้ไหมว่าขณะนี้จิตนี้เป็นโสภณ อโสภณ มีกี่เหตุ
เวลาที่ระลึกต้องรู้ไหมคะว่า ขณะจิตนี้เป็นโสภณ หรืออโสภณ มีโสภณจิตที่เป็นเหตุ เกิดร่วมด้วยกี่เหตุ ไม่ต้องใส่ชื่อเลย แต่ว่าสตินี้สามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นจิต หรือว่าเจตสิก หรือเป็นรูป ตรงตามลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง
เช่นขณะที่กำลังระลึกสภาพรู้ทางตา ในขณะนี้ไม่ใช่ระลึกลักษณะของเจตสิกหนึ่งเจตสิกใด ใช่ไหมคะ เพราะเหตุว่ากำลังรู้ว่า มีสภาพรู้ที่กำลังเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ลักษณะของสภาพรู้ยากที่จะปรากฏ เพราะเหตุว่าเป็นเพียงธาตุรู้ อาการรู้ ไม่มีรูปร่างสัณฐานใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็นขณะที่คิดนึกเรื่องหนึ่งเรื่องใด ก็เป็นสภาพที่กำลังรู้ กำลังคิดเรื่องที่กำลังมีอยู่ในขณะนั้น เรื่องที่กำลังปรากฏ
ขณะที่กำลังได้ยิน ไม่ใช่ทุกคนมีแต่เห็น ขณะนี้ก็ได้ยิน ขณะที่กำลังได้ยิน มีเสียงปรากฏ เพราะเหตุว่ามีธาตุรู้เสียงที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นยากไหมคะที่จะรู้ลักษณะของธาตุรู้ สภาพรู้ อาการรู้ ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งไม่ต้องใส่ชื่อ อย่าลืม แต่เรื่องของการศึกษาสภาพธรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตประเภทต่างๆ ลักษณะของจิตที่สามารถจะรู้ได้ว่า มีอรรถ คือ ลักษณะอย่างไรบ้าง หรือว่าจำแนกออกโดยประเภทอย่างไรบ้าง ประกอบด้วยเจตสิกอย่างไรบ้าง จำแนกโดยชาติ ๔ จำแนกโดยธรรมหมวด ๓ จำแนกโดยเหตุ จำแนกโดยอสังขาร สสังขาร หรือจำแนกโดยโสภณ อโสภณ ก็เพื่อที่จะน้อมนำให้เข้าใจในสภาพที่เป็นอนัตตาของธรรมทั้งหลาย เพื่อที่จะให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งมีลักษณะต่างๆกันไปตามที่ได้ศึกษา เช่น ลักษณะของรูป ไม่ใช่ลักษณะของนาม ลักษณะของรูปทางตา ลักษณะของรูปทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจลักษณะของจิตที่เป็นกุศล ลักษณะของจิตที่เป็นอกุศล ลักษณะของจิตที่เป็นอัพยาคตะ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มีการใฝ่ใจ ใส่ใจ น้อมไปที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ แล้วก็ศึกษาในลักษณะที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนจนกว่าลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมจะปรากฏ โดยสภาพที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนทีละอย่าง ทีละขณะ ไม่ใช่พร้อมกันอย่างในขณะนี้
เพราะฉะนั้นอย่าลืมจุดประสงค์ เพื่อเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตรงตามความเป็นจริง