ยึดถือสภาพธรรมเพราะไม่รู้ปรมัตถธรรม
เวลาที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น แล้วก็มีนามธรรมและรูปธรรมเกิดดับสืบต่อกันเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการคลอดจากครรภ์มารดา มีตาเห็น มีหูได้ยิน มีกายรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสสิ่งที่ปรากฏ แต่ใครไปพูดอะไรด้วย เข้าใจไหม เด็กที่เพิ่งเกิด ไม่รู้เรื่องเลย แต่ว่ามีการเห็นสิ่งที่ปรากฏ ได้ยินเสียงที่ปรากฏ ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส และเมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นแต่เพียงสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ก็ยึดถือในอาการที่ปรากฏซึ่งเสมือนไม่เกิดดับว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะนั้นก็มี “สัมมุตติ” คือ การยึดถือสภาพธรรม เพราะไม่รู้ปรมัตถธรรม ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กๆ หรือว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือว่าจะเป็นคนซึ่งเจริญเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว การเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาก็ยังคงไม่เปลี่ยน เพราะเหตุว่ายังไม่ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมซึ่งกำลังเกิดดับ
เพราะฉะนั้นเมื่อตอนที่เป็นเด็ก เคยเห็นอาการที่ปรากฏซึ่งไม่เกิดดับ แล้วก็ยึดถือเป็นสมมติต่างๆ เกิดขึ้นอย่างไร เวลาที่โตขึ้น ก็ยังคงเป็นสิ่งนั้น ซึ่งเคยเห็นเหมือนกับเป็นวัตถุ เป็นสัตว์ เป็นบุคคลต่างๆ