เพียงแข็งที่ปรากฏแล้วดับไป


    แต่ว่าตามความเป็นจริง สภาพแข็งเป็นสภาพที่แข็ง ไม่ว่าจะเป็นถ้วย หรือว่าเป็นจาน หรือว่าเป็นช้อน หรือว่าเป็นส้อม ก็เป็นเพียงธาตุแข็ง เป็นปฐวีธาตุ แต่ในวันหนึ่งๆ เห็นอะไร สัมผัสกระทบอะไร ในขณะที่กระทบสัมผัส ไม่เคยคิดว่าเพียงกระทบสัมผัสสิ่งที่มีจริง ซึ่งเป็นสภาพที่แข็ง แต่มีความรู้สึกว่าสัมผัสช้อน หรือส้อม หรือจาน หรือถ้วย ตามที่เคยยึดถือในอาการที่ปรากฏ ที่เกิดดับสืบต่อกัน โดยสัณฐาน ทั้งๆที่เมื่อกระทบสัมผัสช้อนก็แข็ง ส้อมก็แข็ง ถ้วยก็แข็ง จานก็แข็ง ลักษณะที่แท้จริงเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่แข็ง แต่โดยสัณฐานที่จดจำไว้ ถ้วยไม่ใช่จาน ไม่ใช่ชาม ช้อนไม่ใช่ส้อม นั่นโดยสัณฐานอาการที่ไม่ปรากฏความเกิดดับ แล้วยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

    เพราะฉะนั้นทั้งๆที่สภาพธรรมที่มีจริงซึ่งเป็นรูปธรรม เป็นเพียงแข็ง แต่ก็ยังมีสัมมุตติความยึดถือสภาพธรรมโดยสมมติว่า จานสำหรับใส่ข้าว ถ้วยสำหรับใส่แกง ช้อนสำหรับตักอาหาร ส้อมสำหรับจิ้มอาหาร แล้วก็ยังมีการยึดถือสิ่งที่ประชุมรวมกัน นอกจากธาตุแข็ง เช่น เอาเหล็ก เอาวัสดุต่างๆ มาประกอบกัน ประชุมกัน ยึดถือว่าเป็นวิทยุ เป็นโทรทัศน์ เป็นวัตถุสิ่งต่างๆเกิดขึ้น ทั้งหมดนั้น คือ การไม่ประจักษ์ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมซึ่งเกิดขึ้นปรากฏแต่ละลักษณะแล้วก็ดับไป

    นี่คือสิ่งที่ปรากฏทางตา ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าการประดิษฐ์จะประดิษฐ์วัตถุใดๆเพิ่มขึ้น การยึดถือในสภาพของสิ่งซึ่งมาควบคุมประชุมรวมกัน ก็ยึดถือในสิ่งต่างๆ เป็นวัตถุต่างๆเพิ่มขึ้นแต่ให้ทราบว่า ในขณะเหล่านั้นทั้งหมด เป็น “สัมมุตติ” หรือเป็น “สมมติสัจจะ” ไม่ใช่ “ปรมัตถสัจจะ”


    หมายเลข 7411
    21 ส.ค. 2558