ตทาลัมพณวาระ - ชวนวาระ - โวฏฐัพพนะวาระ
ผู้ฟัง ถ้าเป็นตทาลัมพนวาระ
ท่านอาจารย์ หมายความว่าตทาลัมพนะเกิดแล้วดับไปรูปก็ดับ แล้วภวังคจิตก็เกิดต่อ ภวังคจิตเกิดเมื่อใดแสดงว่าไม่ใช่วาระเมื่อนั้น วาระนั้นจบไปแล้วภวังคจิตจึงได้เกิดคั่นได้
ผู้ฟัง ในขณะที่ชวนจิตดับไปทั้ง ๗ ดวง แล้วก็อย่างไรถึงจะเป็นตทาลัมพนวาระ
ท่านอาจารย์ เป็นไม่ได้ถ้ารูปดับ ถ้าเป็นชวนวาระ หมายความว่า ตทาลัมพนะไม่ได้เกิดเพราะว่ารูปดับไปก่อน เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าชวนวาระ รูปเกิดเมื่อไหร่ก็นับถอยไป ๑๗ ขณะ ก็เกิดตรงนั้นเอง
ผู้ฟัง มีโอกาสไหมถ้ารูปจะดับในช่วงของชวนะที่มี ๗ ขณะ
ท่านอาจารย์ ชวนะไม่เกิด ไม่พอที่ชวนจิตจะเกิด ชวนจิตก็เกิดไม่ได้จึงเป็นโวฏฐัพพนวาระ มีแต่โวฏฐัพพนจิตเกิดเท่านั้น ถึงจะทำทางแต่ก็ไม่มีทางที่กุศลจิตหรืออกุศลจิตจะเกิด เพราะว่าเขาเกิดขึ้นทำหน้าที่ตามหน้าที่ที่ถึงวาระที่จะทำหน้าที่นั้นก็ทำหน้าที่นั้น ทำแล้วก็จบ กุศลจิตหรืออกุศลจิตก็ไม่เกิดก็เป็นโวฏฐัพพนวาระ
ผู้ฟัง จำเป็นหรือไม่ว่าวาระที่จะเป็นชวนวาระ รูปจะต้องมีอายุเกิน
ท่านอาจารย์ พอที่ชวนะขณะจะเกิดได้
ผู้ฟัง ต้องพอ ๗ ขณะด้วย พอ ๒ หรือ ๓ ขณะก็ไม่ได้
ท่านอาจารย์ ถูกต้อง นี่ก็ยังไม่พูดถึงขณะใกล้จะจุติก็แยกย่อยไปอีกมากมาย เพราะฉะนั้นพื้นฐานก็คือว่าให้มีความเข้าใจไปตามลำดับก่อน
ผู้ฟัง ตทาลัมพนวาระก็มีรูปนั้นเป็นอารมณ์เช่นเดียวกัน
ท่านอาจารย์ ถูกต้อง ตั้งแต่ปัญจทวาราวัชชนจิตจนถึงตทาลัมพนจิต มีรูปๆ เดียวที่ยังไม่ดับ เพราะฉะนั้นวิถีจิตก็เกิดรู้รูปเดียวนั้นเอง จนกว่ารูปนั้นจะดับ จึงชื่อว่าวาระหนึ่งๆ
ที่มา ...