อาศัยบัญญัติจากเสียงให้รู้ความหมาย


    และนอกจากนั้นยังไม่พอ ยังต้องอาศัยเสียง ซึ่งเป็นบัญญัติให้รู้ความหมายของสิ่งซึ่งยึดถือ ทุกคนมีตา เห็นสิ่งต่างๆ ยึดถือสัณฐานของสิ่งต่างๆที่ปรากฏ เป็นรูปร่างสัณฐานต่างๆ รู้ในอรรถของสิ่งที่สมมติ

    สัตว์เดรัจฉานก็เห็น แต่ผู้ที่เป็นมนุษย์สามารถที่จะใช้เสียงสำหรับบัญญัติเรียกสิ่งที่สมมติขึ้นให้เข้าใจว่า หมายความถึงสิ่งอะไร วัตถุอะไร ในขณะที่สัตว์เดรัจฉานไม่มีความสามารถพอที่จะใช้เสียงได้อย่างมนุษย์ ที่จะบัญญัติโดยละเอียด

    เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะได้ทราบว่า ในเวลาที่มีการพูด มีการใช้เสียงเสียงที่ใช้สำหรับบัญญัติเรียกสิ่งต่างๆ เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง เสียงมีจริงไหมคะ เสียงนั้นมีจริงหรือไม่จริง เสียงจริง บัญญัติจริงหรือไม่จริง?

    นี่คือเป็นเรื่องชีวิตประจำวัน ที่จะต้องรู้ชัดว่า สภาพธรรมใดเป็นปรมัตถธรรม สภาพธรรมใดเป็นสัมมุติ สัมมุติ หมายความถึง สิ่งที่ไม่จริง

    เพราะฉะนั้นอาการสัณฐานต่างๆ ซึ่งปรากฏให้เป็นถ้วย เป็นชาม เป็นช้อน เป็นส้อม ทั้งหมด เป็นสัมมุติ เป็นสิ่งที่ไม่จริง ส่วนสิ่งที่จริง คือ สภาพที่แข็ง และเมื่อมีสิ่งที่จริง แต่เพราะไม่รู้ความจริง ก็เกิดการสมมติขึ้นในสิ่งที่ปรากฏ ที่ไม่เกิดดับ แล้วยังไม่พอ ยังมีการบัญญัติเรียกสิ่งที่ปรากฏ ที่สมมติขึ้น เพื่อให้เข้าใจว่า หมายความถึงสิ่งใด แต่ว่าเสียงเป็นสภาพธรรมที่มีจริง แล้วก็เป็นสิ่งซึ่งใช้คำว่า “นาม” เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีเสียง “นาม” คือ ชื่อ หรือคำทั้งหลายก็มีไม่ได้ จริงหรือไม่จริงคะ

    มีตาเห็น แต่ไม่มีเสียง จะมีชื่อ หรือมีคำที่ใช้เรียกชื่อของสิ่งที่เห็นได้ไหม ถ้าไม่มีเสียงเลย เพราะฉะนั้นที่เรียกชื่อต่างๆ เป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ ก็ให้ทราบว่า เพราะเสียง

    เพราะฉะนั้นในบรรดาชื่อทั้งหลายเป็นต้น ซึ่งทุกคนติดกันมากเหลือเกิน ในชื่อของสมมติต่างๆ “บัญญัติ” คือ ชื่อ ซึ่งเรียกสิ่งที่สมมติขึ้น หรือว่าสิ่งที่เป็นปรมัตถธรรม เพื่อที่จะให้เข้าใจความหมาย เพราะฉะนั้นก็ให้ทราบลักษณะของธรรมชนิดหนึ่ง คือ เสียง ซึ่งเป็น “สัททรูป"

    เสียงเป็นสิ่งที่มีจริง ซึ่งไม่ใช่สภาพรู้ เพราะฉะนั้นเสียงก็เป็นรูปธรรม และเสียงไม่ใช่ภาษาบาลี ไม่มีคำว่า “เสียง” ในภาษาบาลี แต่มีคำว่า “สัทท” ในภาษาบาลี เพราะฉะนั้นเสียง คือ “สัททรูป” เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงซึ่งปรากฏทางหู


    หมายเลข 7426
    21 ส.ค. 2558