ธรรมทั้งหมดเพื่อเกื้อกูลสัตว์ที่งมงายต่างกันเป็น ๓ เหล่า
เพราะฉะนั้นพระธรรมทั้งหมดที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เพื่อที่จะเกื้อกูลบุคคลที่ต่างกันเป็น ๓ เหล่า ซึ่งข้อความในอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา มีว่า
บรรดาสัตว์ ๓ จำพวกเหล่านั้น สัตว์ผู้งมงายใน “นาม” จะรู้เข้าใจขันธ์ได้ เพราะแจก “นาม” ไว้ ๔ อย่างในขันธ์นั้น
สัตว์ผู้งมงายใน “รูป” จะรู้เข้าใจอายตนะได้ เพราะแจก “รูป” ไว้ ๑๐ อย่าง กับอีกครึ่งอายตนะ เพราะเหตุว่าสำหรับธัมมายตนะนั้นมีทั้งนามธรรมและรูปธรรม
สัตว์ผู้งมงายในนามและรูปทั้งสอง จะรู้เข้าใจธาตุได้ เพราะแจกนามและรูปทั้งสองไว้ในจำพวกธาตุนั้นโดยพิสดาร
เพราะฉะนั้นท่านผู้ฟังเป็นผู้ที่งมงายในนามเท่านั้น หรือว่าเป็นผู้ที่งมงายในรูปเท่านั้น หรือว่าเป็นผู้ที่งมงายอยู่ในทั้งในรูปและนาม ถ้างมงายอยู่ทั้งในรูปและนาม ก็จะต้องอาศัยการฟังธรรมโดยประการต่างๆ ที่จะให้เกิดกุศลประการต่างๆ เพื่อที่จะเป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิดขึ้น ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงได้
ตามความเป็นจริงในขณะนี้มีทั้งปรมัตถสัจจะและสมมติสัจจะ ถ้ายังไม่เข้าใจลักษณะที่ต่างกันโดยละเอียด โดยลึกซึ้ง โดยชัดเจน แล้วสติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของปรมัตถธรรมได้ไหม
เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อน อย่าเพิ่งปฏิบัติทันที โดยที่ไม่มีความเข้าใจในลักษณะของปรมัตถธรรม