สติเกิดขึ้นจะพิจารณารูปารมณ์ให้ชัดอย่างไร
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ระลึกบ่อยๆ เนืองๆ หนทางเดียวค่ะ ท่านผู้ฟังไม่ต้องการเหตุเลยนะคะ ต้องการผลค่ะ ว่าทำอย่างไรจึงจะรู้ แต่พอบอกว่าระลึกบ่อยๆ เนืองๆ รู้สึกว่าไม่ต้องการ ใช่ไหมคะ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ค่ะ เพราะไม่ต้องการจะระลึกอีกต่อไป เพราะว่ามากแล้ว เพราะฉะนั้นต้องการรู้เหมือนกับต้องการตกน้ำ แล้วว่ายเป็นทันที ไม่ต้องหัด
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้นะคะ แม้แต่เพียงฟังคาถาสั้นๆ ก็ยังประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไป รู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระโสดาบันบ้าง เช่น ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโมคคัลลานะท่านพระมหากัสสปะ เป็นต้น หรือบางท่านก็สามารถที่จะเป็นถึงพระอรหันต์ได้โดยรวดเร็ว เป็นเอตทัคคะในการรู้แจ้งโดยพลัน เช่น ท่านพระพาหิยทารุจิริยะ แต่ไม่ได้หมายความว่า โดยไม่มีเหตุที่สะสมมา
เพราะฉะนั้นอยากจะรู้ แต่เบื่อตอนที่จะต้องระลึกบ่อยๆเนืองๆ แล้วไม่รู้สักที เมื่อยังไม่รู้ ก็ยังไม่รู้ค่ะ จะให้ขณะที่ยังไม่รู้เป็นความรู้ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องอดทน วิริยะอยู่ที่ไหน พระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญวิริยารัมภกถา คำพูดที่จะให้เกิดวิริยะ ความเพียร ไม่ใช่ให้ไปเพียรทำอย่างอื่นเลย เพียรระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏ แล้วยังไม่รู้ ให้ค่อยๆรู้ขึ้นๆ จนกว่าจะประจักษ์แจ้งจริงๆได้ ซึ่งถ้าไม่อาศัยการค่อยๆระลึก ค่อยๆรู้ แล้วจะประจักษ์แจ้ง ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นการประจักษ์แจ้งต้องมาจากเหตุ คือ การอดทนที่จะระลึกศึกษารู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏไปเรื่อยๆ จนกว่าความรู้จะเกิดขึ้น
- เผาหญ้าในพระวิหารเชตวัน - ไม่เดือดร้อนในสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา
- การจะดับการยึดถือนามรูป ต้องรู้ว่าไม่ใช่เราจริงๆ เป็นเพียงธาตุแต่ละชนิด
- จะอยู่เมืองไทยต่อไปจนกว่าสติจะเกิดรู้รูปนามทั้ง ๖ ทวาร
- ฟังก็รู้ แต่เมื่อไรปัญญาจะรู้ว่าเป็นรูปารมณ์เท่านั้น
- อุปสรรคของการระลึก ระลึกแล้วยังไม่รู้ว่าระลึกหรือยัง จะระลึกอย่างไร