ไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง ธรรมเกิดแล้วก็ดับไปเลย


    ผู้ฟัง บางครั้งเราก็จะสามารถที่จะรู้ลักษณะของความติดข้อง

    ท่านอาจารย์ จริงๆ แล้วเมื่อสภาพธรรมเกิดคิดจะทำอะไรหลายอย่าง แต่ธรรมนั้นดับไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องไปทำอะไรเลยแม้อย่างหนึ่งอย่างใด เพราะเกิดแล้วก็ดับไปเลย ยังไม่ต้องไปทำอะไรเลย แล้วขณะที่กำลังทำก็คือสภาพธรรมที่เกิดใหม่ แล้วก็คิดว่าเป็นตัวเราทำ ความจริงก็ดับด้วย

    ผู้ฟัง ในความเป็นจริงคือมีการเกิดแล้ว แล้วก็ดับแล้ว แต่เราไม่รู้ว่ามีการเกิด และการดับ

    ท่านอาจารย์ ก็เลยเป็นเรา

    ผู้ฟัง ความติดข้องนั้นก็ยังติดข้องอยู่เรื่อยๆ

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง จนกว่าอะไร

    ผู้ฟัง จนกว่าเรารู้ลักษณะนั้นว่าไม่ใช่เรา

    ท่านอาจารย์ เริ่มจากการฟังค่อยๆ เข้าใจ จนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรมก็จะดับการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา แต่ถ้าตราบใดยังไม่ถึงระดับนั้นก็ดับไม่ได้

    ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องฟังๆ ให้เข้าใจ

    ท่านอาจารย์ ก็มีหลายท่านก็บอกว่าเมื่อฟังแล้วก็รู้ว่ามีทางเดียวคือฟังต่อไปให้เข้าใจขึ้น

    ผู้ฟัง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

    ท่านอาจารย์ จะทำหรือ ดับไปแล้ว ไม่ต้องทำ ดับแล้ว ขณะเกิดก็บังคับไม่ได้ เกิดแล้ว กำลังคิดตอนนี้เห็นก็ดับไปแล้วด้วย ทุกอย่างเร็วมาก

    ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นเราบังคับให้ไม่เกิดก็เป็นไปไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ถ้าได้ แบบนั้นก็เป็นอัตตา

    ผู้ฟัง เกิดแล้วก็ต้องดับ

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง ทุกขณะทั้งนั้นในขณะนี้ กำลังฟังเรื่องสภาพธรรมที่เกิดดับ เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วสิ่งที่ปรากฏเป็นนิมิต เพราะสิ่งที่เราเข้าใจว่ามีดับอยู่ตลอดเวลา ดับไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย ยังเหลือเพียงสิ่งที่เป็นนิมิตให้เข้าใจว่าสิ่งนั้นมีอยู่เพราะเกิดดับสืบต่อกัน แต่ตัวจริงดับแล้วตลอดทุกขณะ ไม่มีอะไรเหลือเลย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 97


    หมายเลข 7478
    22 ม.ค. 2567