ถ้าไม่เคยเห็นว่าเงินดับไป ปุถุชนจึงต้องยึด
ผู้ฟัง ถ้าผู้ที่เห็นว่ามันดับไป ใครจะไปยึด มันก็ไม่ยึด แต่ปุถุชนนี้ยังไม่เคยเห็นว่ามันดับ ก็เงินของเราเก็บไว้ เห็นเมื่อไร ก็ยังอยู่เมื่อนั้น ก็ต้องยึดซิครับว่าเงินของเรา ไม่เคยเห็นว่าเงินดับเลยนี่ครับ วันนี้อยู่อย่างไร ถ้าไม่ถูกขโมย พรุ่งนี้ไปดูอีกมันก็ยังอยู่ ก็ยังยึดว่า เป็นเงินของเรา ไม่เห็นว่ามันดับเลยนี่ครับ เพราะฉะนั้น ต้องยึดครับ
ท่านอาจารย์ นั่นเป็นปุถุชน อย่าลืมนะคะ ความต่างกันของปุถุชนกับพระอริยเจ้า มิฉะนั้นพระอริยบุคคลก็ไม่ต่างกับปุถุชน แต่นี่ต่างกันค่ะ จนกระทั่งไม่มีความเป็นปุถุชน เพราะเป็นพระอริยบุคคล ซึ่งจะไม่ย้อนกลับมาสู่ความเป็นปุถุชนอีก แต่ว่ากิเลสเหนียวแน่นนะคะ อย่าลืม ซึ่งการเป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น ไม่ใช่พระอรหันต์ ยังมีโลภะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ แต่ไม่มีความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนที่เที่ยง
เป็นเรื่องที่บรรลุถึงได้ แต่ต้องเข้าใจถูกตั้งแต่ต้น พร้อมทั้งปฏิบัติถูกด้วย ถ้าเข้าใจผิดแม้เพียงเล็กน้อย จะทำให้การปฏิบัตินี้ผิด คลาดเคลื่อน ซึ่งจะไม่เป็นเหตุที่จะให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้
ยังมีข้อสงสัยอะไรอีกไหมคะในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ถึงแม้ว่าจะคิด ก็ไม่ใช่จะประจักษ์ เพียงแต่เข้าใจได้ว่า ปัญญาจะต้องอบรมเจริญขึ้นจนสามารถที่จะรู้สภาพธรรมที่ทรงแสดงไว้ โดยความไม่ใช่เราจริงๆ มิฉะนั้นแล้วก็ยังคงมีความเป็นเราหลงเหลืออยู่ว่า เรากำลังมีสติ เรากำลังทำสติ เรากำลังจะสงบ หรือเรากำลังจะรู้ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรา ไม่ใช่การรู้ลักษณะของสภาพธรรมว่า เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรม